ขลุ่ยเป็นเครื่องดนตรีไทยเก่าแก่ประเภทเป่า ที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน โดยแหล่งผลิตขลุ่ยที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพแห่งหนึ่งคือขุมชนบางไส้ไก่หรือชุมชนบ้านลาวซึ่งประกอบอาชีพทำขลุ่ยมาเนิ่นนาน ผ่านการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญและสืบทอดการทำขลุ่ยจากรุ่นสู่รุ่นมาหลายช่วงอายุคน ซึ่งเอกลักษณ์ของขลุ่ยบ้านลาวคือความประณีตใส่ใจในลายละเอียดทุกขั้นตอนในการทำขลุ่ย ทำให้ได้เสียงที่ไพเราะ ขลุ่ยบ้านลาวจะรับทำขลุ่ยทุกชนิด ได้แก่ ขลุ่ยหลีบ ขลุ่ยเคียงออ ขลุ่ยเพียงออ ขลุ่ยรองออ และขลุ่ยอู้ แล้วแต่ลูกค้าจะสั่งซึ่งร้านมงคลขลุ่ยไทยเป็นหนึ่งในบ้านที่เหลือเพียงไม่กี่หลังที่ยังยึดอาชีพผลิตขลุ่ยอยู่
วัสดุที่นิยมใช้มาทำขลุ่ยสมัยโบราณคือไม้ไผ่และไม้ที่ดีที่สุดคือไม้รวกโดยขั้นตอนในการทำขลุ่ยจะนำไม้รวกไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำไม้ที่ได้มาขัดให้ผิวเรียบโดยใช้อิฐมอญตำให้ละเอียดหยดน้ำลงไปเล็กน้อยแล้วใช้กาบมะพร้าวขัดจนผิวเรียบเงานอกจากไม้ลวก ยังสามารถใช้ไม้เนื้อแข็งมาทำโดยต้องนำไปกลึงให้กลวงก่อน ต่อไปคือ การเทลายด้วยตะกั่วในกรณีที่ใช้ไม้รวก ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการเทลายน้อยลงเนื่องจากต้องใช้ความชำนาญของช่างในการทำ จากนั้นนำไม้มาวัดระยะทำเครื่องหมายแบ่งส่วนต่างๆเพื่อเตรียมสำหรับสำหรับเจาะรู
ปัจจุบันได้มีการประยุกต์บล็อกสำหรับเจาะรูซึ่งทำมาจากอลูมิเนียมหรือเหล็กทำให้สะดวกสบาย ใช้งานได้ง่ายกว่าและแม่นยำ โดยจะมีลักษณะเป็นท่อขนาดใหญ่กว่าเลาขลุ่ยเล็กน้อย ขั้นต่อไปคือการแกะปากนกแก้วซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียง จากนั้นนำดาก(ไม้อีกชิ้นหนึ่งที่ต้องปาดให้มีขนาดใกล้เคียงกับปากนกแก้ว)ใส่เข้าไปในเลาขลุ่ย แล้วนำไปเป่าเพื่อทดสอบเสียงโดยใช้ความชำนาญของช่างในการฟัง และปัจจุบันได้มีการพัฒนานำท่อพลาสติกซึ่งหาซื้อได้ง่ายเป็นวัสดุในการผลิตเป็นขลุ่ยพีวีซี ทำให้ขลุ่ยชนิดนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากมีความคงทนและราคาย่อมเยา