วีรกรรมที่บ้านนาอ้อ
ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ร.ศ. 212 (พ.ศ. 2436) ประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก โดยเฉพาะ อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้ออกแสวงหาอาณานิคม ไปจนถึงแหลมอินโดจีน ประเทศสยามหรือประเทศไทย ก็ได้เสียดินแดนบางส่วนให้แก่มหาอำนาจเหล่านั้นด้วย เช่น ยกดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส เมืองเชียงคานเดิมอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงจึงตกเป็นของฝรั่งเศสด้วย พญาศรีอรรคฮาต เจ้าเมืองเชียงคานเดิมต่างรักในศักดิ์ศรีความเป็นไทย ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของใคร จึงพร้อมใจกันอพยพข้ามแม่น้ำโขง ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่บ้านท่านาจันทร์ เรียกว่าเมืองใหม่เชียงคาน
พ.ศ. 2441 มีฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ ยังมาร์กส์ ปิแอร์ (Youngmark Peairr) พร้อมด้วยลูกน้องซึ่งเป็นชาวญวนและลาว ประมาณ 12 คน ได้ข้ามแม่น้ำโขง มาขู่เจ้าเมืองเชียงคาน ให้ยกเมืองใหม่เชียงคานขึ้นกับฝรั่งเศส ขณะนั้น พระยาศรีอรรคฮาต เจ้าเมืองเชียงคานรู้ตัวก่อนล่วงหน้าได้ทำกลอุบายหลบหนีไป และนัดแนะให้ท้าวราชบุตร ผู้เป็นรองเจ้าเมืองเชียงคานออกรับแทน ท้าวราชบุตรออกอุบายแนะนำให้ฝรั่งเศสมาตีเมืองเลยก่อน ถ้าได้เมืองเลยแล้ว เมืองเชียงคานก็ต้องเป็นของฝรั่งเศสด้วย ฝรั่งเศสหลงเชื่อ ได้พาพรรคพวกเดินทางมาเมืองเลย
เมื่อเดินทางมาถึงบ้านนาอ้อ จึงหยุดพักตั้งกองบัญชาการขึ้นที่ ศาลาการเปรียญ วัดศรีจันทร์ บ้านนาอ้อ บังคับชาวบ้านนาอ้อมาประชุมเกลี้ยกล่อม ยุยงให้ชาวบ้านนาอ้อ ร่วมมือกับฝรั่งเศส ถ้าฝรั่งเศสยึดเมืองเลยได้ ก็จะตั้งบ้านนาอ้อขึ้นเป็นเมือง เรียกว่า เมืองนครหงษ์ ผู้เข้าร่วมกับฝรั่งเศสจะได้รับยศฐาบรรดาศักดิ์และสิทธิพิเศษทุกคน แต่ไม่มีชาวบ้านร่วมมือ ฝ่ายไทยซึ่งมีกำลังตำรวจ ทหาร ยกไปจากเมืองเลย และด้วยความร่วมมือของชาวบ้านนาอ้อได้ทำการต่อสู้ฝรั่งเศสอย่างเข้มแข็ง ฝรั่งเศสสู้ไม่ได้ จึงพาพรรคพวกกลับไปจะเข้าเมืองเชียงคานอีก แต่ทางเมืองเชียงคาน โดยเจ้าเมืองเป็นหัวหน้า พร้อมราษฎรเตรียมตัวต่อสู้ไว้พร้อมแล้ว ฝรั่งเศสเห็นว่าจะสู้ไม่ไหว จึงได้พาพรรคพวกหนีข้ามแม่น้ำโขงไป