ชาวกะเหรี่ยงตำบลสองพี่น้อง เดิมอยู่ในเขตชายแดนพม่า ได้มาตั้งถิ่นฐานเป็นหมู่บ้าน ทำมาหากินในบริเวณนี้ ต่อมาได้ทำสงครามรบกับพม่า ในหมู่บ้านมีพี่น้องอยู่สองคน ซึ่งเป้นทหารฝีมือดีมาก และเป้นผุ้นำในการรบ มีคนล้มตายมาก และชาวบ้านได้นำศพคนกะเหรี่ยงเหล่านั้นมาเผาในทุ่งกลางหมู่บ้านคนจึงเรียกทุ่งนั้นว่า "ทุ่งเผาผี" จนถึงปัจจุบัน ต่อมาได้นำคน 4,000 คนไปรบกับพม่าอีก เมื่อถึงบริเวณที่สู้รบ ทหารได้เอาดาบปักลงพื้นดิน (ในลักษณะการขุด) ทั้งสี่พันคน จนเป็นบ่อน้ำขนาดเล็กและมีน้ำซึมออกมาได้ดื่มกัน หลังจากสู้รบกัน สัตว์ป่าได้ลงมากินนอนจนเป้นหนองน้ำขนาดใหญ่จนปัจจุบัน หนองน้ำนี้อยู่ติดหมู่บ้าน หลังจากสู้รบกับพม่าแล้ว ผู้นำทั้งสองพี่น้องได้นำกำลังพลที่เหลือกลับมายังหมู่บ้านที่ตั้งของตน และเอาดาบที่สู้รบกันนั้นมาล้างบริเวณท่าน้ำของแม่น้ำเพชรบุรี กลางหมู่บ้าน และเรียกสถานที่นี้ว่า "วังล้างดาบ" จากเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ชนรุ่นหลังได้ตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านสองพี่น้อง" เพื่อให้เกียรติและรำลึกถึงทหารทั้งสองพี่น้อง ซึ่งเป้นบรรพบุรุษของเขา และต่อสู้เพื่อแผ่นดินที่พวกเขาอยู่ ชาวกะเหรี่ยงใช้ภาษากะเหรี่ยงในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน และใช้ภาษาไทยในการสื่อสารกับคนต่างถิ่น มีขนบธรรมเนียมและประเพณีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมา เช่น ประเพณีกินข้าวห่อกะเกรี่ยง ในช่วงเดือน 9 ก่อนเข้าพรรษา, ประเพณีเวียนศาลา และยกฉัตร 9 ชั้น ในทุก ๆ เดือน 12 ของทุกปี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย พึ่งพาอาศัยธรรมชาติ บ้านเรือนทำด้วยไม้ สองชั้น ไต้ถุนสูง ชั้นบนไม่สูงมากนัก ประมาณ 2 เมตร ชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีเครื่องมือเครื่องใช้ทำมาจากไม้และไม้ไผ่สาน เช่น เครหรือกระด้ง อีจู้ อีตั้ง เครื่องปั่นฝ้าย เป่อ กระทอไก่ เป็นต้น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย แต่เดิมทอผ้าสวมใส่เอง รูปทรงเรียบง่าย ถักทอลวดลายบ่งบอกลักษณะความเป้นอยู่ของชาวกะเหรี่ยงเอง เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เหลือผู้ที่ทอผ้ากะเกรี่ยงเพียงคนเดียว และยังไม่มีผู้สืบทอด ส่วนความเชื่อชาวกะเหรี่ยงเชื่อเรื่องผีและวิญญาณ เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป้าเจ้าเขา เป็นต้น