ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 17° 37' 32.9999"
17.6258333
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 5' 48.0001"
100.0966667
เลขที่ : 192637
การกวนข้าวมธุปายาส (ข้าวทิพย์)
เสนอโดย อุตรดิตถ์ วันที่ 31 มีนาคม 2563
อนุมัติโดย อุตรดิตถ์ วันที่ 3 เมษายน 2563
จังหวัด : อุตรดิตถ์
0 318
รายละเอียด

นางสุชาดาธิดาของนายเสนิยเศรษฐีในตำบลอุรุเวลาเสนานิคมพอเติบโตแล้วได้กระทำ
ความปรารถนา คือบนบานรุกขเทวดาที่ต้นไทรต้นหนึ่งไว้ว่าขอให้ข้าพเจ้าได้มีสามีที่มีฐานะเท่าเทียมเสมอกัน และได้ลูกหัวปีเป็นผู้ชายแล้วข้าพเจ้าจะบวงสรวงท่านด้วยของอันมีราคาแสนกหาปณะ ครั้นอยู่มาก็ได้สมดังความปรารถนา นางสุชาดาจึงคิดจะแก้บนเทวดา จึงไห้บ่าวไพร่นำฝูงแม่โคนมพันตัวไปเลี้ยงในป่าชะเอมอันมีรสหวาน ครบ 15 วัน แล้วให้แบ่งโคนมกินแล้วให้นำโคฝ่ายที่กินน้ำนมนั้นไปเลี้ยงที่ป่าชะเอมอีก จนครบ 15 วัน แล้วก็ให้แบ่งโคเป็นสองพวกอีก พวกละ 250 ตัว แล้วให้รีดนมโค 250 ตัวนั้นมาให้พวกฝ่ายนี้กินอีก แล้วให้นำโคฝ่ายที่กินน้ำนมนั้นไปเลี้ยงที่ป่าชะเอมอีก 15 วัน ทำอยู่อย่างนั้นจนแบ่งโคนมลดลงไปเรื่อยจนเหลือข้างละ 8 ตัว ที่ทำอย่างนี้เพื่อที่จะให้ได้น้ำนมที่มีรสหวานเข้มข้น ทำอยู่อย่างนี้มานานจนมาถึงวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันเพ็ญเดือน 6 ซึ่งนับตั้งแต่พระมหาบุรุษทรงบรรพชา ทรงเลิกกระทำทุกกิริยา มาทรงเสวยอาหาร แล้วตั้งใจเจริญอานาปานสติกรรมฐานนั้น ก็ได้6 ปี พอดี

ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 นางสุชาดาให้รีดนมโคจากแม่โคทั้ง 8 ตัว ลงในภาชนะทอง พอวางภาชนะทองลงไปคนยังไม่ทันได้รีด น้ำนมก็ไหลออกมาเอง นางสุชาดาเห็นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก จึงรับภาชนะแล้วเอาน้ำนมโคไปเทลงในกระทะด้วยตนเอง เวลานั้นมหาพรหมมากั้นเศวตฉัตร ท้าวโลกบาลทั้ง 4 ถือพระขรรค์ยืนอยู่ใน 4 ทิศ พระอินทร์ลงมาก่อไฟให้ เทพเจ้าทั้งหลายนำเอาโอชะในทวีปทั้ง 4 มาใส่ลง นางสุชาดาได้เห็นสิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ตลอด

วันรุ่งขึ้นเป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 นางสุชาดาตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ ได้สั่งให้นางปุณณทาสีว่า เจ้าจงรีบไปปัดกวาดทำความสะอาดที่โคนต้นไทรให้เรียบร้อย นางปุณณทาสีจึงรีบไปที่ต้นไทรนั้น

ฝ่ายพระโพธิสัตว์เจ้าพอรุ่งอรุณก็อาบน้ำชำระร่างกาย ก่อนที่จะได้เวลาไปออกเที่ยวบิณฑบาต ก็ได้ไปนั่งอยู่ที่โคนต้นไทรนั้นแต่เช้าตรู่ นางปุณณทาสีของนางสุชาดา ออกไปเห็นพระมหาบุรุษนั่งอยู่ที่โคนต้นไทรทอดพระเนตรไปทางทิศตะวันออก มีพระรัศมีสว่างออกมาจากพระวรกายอย่างนั้น ก็เข้าใจว่าเป็นเทวดา
จึงรีบกลับมาแจ้งแก่นางสุชาดา แม่เจ้าขณะนี้เทวดาได้มานั่งคอยอยู่ที่โคนต้นไทรแล้ว นางสุชาดาก็ได้นำถาดทองอันเต็มไปด้วยข้าวมธุปายาสที่ทำด้วยนมสด ซึ่งเคี่ยวไว้นั้นมีถาดทองคำใบหนึ่งปิดครอบไว้เบื้องบน ห่อด้วยผ้าขาวห้อยพวงดอกไม้ไว้รอบ ยกขึ้นทูลบนศรีษะนางสุชาดากับพวกทาสีเป็นอันมากก็ออกไปที่โคนต้นไทร พอไปถึงได้เห็นพระมหาบุรุษก็เข้าใจว่าเป็นเทวดา นางเกิดความปิติอย่างแรงกล้า เดินย่อตัวเข้าไปพอถึงที่ใกล้จึงยกถาดลงจากศรีษะแล้วเปิดฝาขึ้น แล้วยกถาดข้าวมธุปายาสถวายวางที่พระหัตถ์ พระมหาบุรุษก็ทอดพระเนตรดูนางสุชาดา
นางสุชาดาจึงกราบทูลว่า ถวายทั้งภาชนะทองเลยพระเจ้าคะแล้วกราบทูลว่าความปรารถนาของข้าพเจ้าสำเร็จแล้วฉันใด ขอความปรารถนาของพระองค์จงสำเร็จฉันนั้น แล้วก็ถวายบังคมลา

ฝ่ายพระมหาบุรุษ ก็ทรงถือถาดข้าวมธุปายาสเสด็จไปที่ริมแม่น้ำเนรัญชราวางถาดทองไว้ริมแม่น้ำแล้วลงไปสรงน้ำ จึงเสด็จขึ้นมาประทับนั่งหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกแล้วก็ปั้นข้าวมธุปายาสให้เป็นคำๆ ได้ 49 คำ แล้วก็เสวยจนหมด ครั้งเสวยเสร็จแล้วจึงทรงถือถาดทองคำลงไปที่ริมแม่น้ำเนรัญชรา ทรงอธิฐานลอยถาดว่า
ถ้าเราจักได้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าในวันนี้ จงให้ถาดทองคำนี้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป ถ้าไม่อย่างนั้นจงให้ ลอยน้ำลงไปแล้วก็วางถาดทองคำลงในกระแสน้ำ ถาดทองคำก็ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปทางทิศเหนือน้ำได้ถึง
80 ศอก จึงจมน้ำลงไป พระมหาบุรุษได้ทรงเห็นดังนั้น ก็ทรงดีพระทัย จึงเสด็จขึ้นมาจากฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา

มีพระพราหมณ์คนหนึ่งชื่อวาโสตถิยพราหมณ์ถือเอาหญ้ากุสะ 8 กำ เดินสวนทางมา เห็นพระมหาบุรุษแล้วเกิดความเคารพเลื่อมใส ในขณะนั้นก็ไม่มีอะไรมีแต่หญ้ากุสะที่เขาไปเกี่ยวมา จึงน้อมเข้าไปถวายหญ้ากุสะ 8 กำนั้น แก่พระมหาบุรุษ พระองค์ทรงรับแล้วก็ถือเสด็จเรื่อยไปจนถึงต้นอัสสัตถะ(ต้นพระศรีมหาโพธิ์)ทรงเห็นว่าเป็นต้นไม้เหมาะดี จึงได้ทรงปูหญ้ากุสะลงทิศตะวันออกหันหลังเข้าทางต้นอัสสัตถะ หันหน้าไปทางทิศตะวันออกแล้วประทับนั่ง พระองค์ก็ทรงตั้งพระทัยว่าถึงเนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกและ
เอ็นก็ตามที ถ้าเรายังไม่ได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าก็จักยังไม่ลุกจากที่นี้

แล้วพระองค์ก็ได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา
ด้วยเหตุที่ว่าพระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรมาเป็นเวลา 6 ปี แต่ก็ยังไม่ได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ แต่พอพระองค์ได้เสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดานำมาถวายในวันนั้นพระองค์ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงมีความเชื่อกันว่า
ข้าวมธุปายาสนั้นเป็นข้าวทิพย์ซึ่งถ้าใครได้กินแล้วก็เกิดสติปัญญาเฉลียวฉลาด จะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็จะสำเร็จ แล้วมีความปรารถนาสิ่งใดก็จะได้สำเร็จตามความประสงค์ทุกประการ

วัดเกษมจิตตาราม ได้จัดงานกวนข้าวมธุปายาส (กวนข้าวทิพย์) และงานวันวิสาขบูชา เป็นประจำทุกปี ทำมานานกว่า 60 ปี เพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของชาวพุทธไว้ให้อนุชนรุ่นหลัง ได้รู้ได้เห็นเป็นแบบอย่าง และเพื่อสืบสานประเพณีไว้ให้เป็นสมบัติ คู่กับพระพุทธศาสนาสืบต่อไป

สถานที่ตั้ง
วัดเกษมจิตตาราม
ถนน สมานมิตร
อำเภอ เมืองอุตรดิตถ์ จังหวัด อุตรดิตถ์
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง นางสาวใจทิพย์ ไชยมงคล
อำเภอ เมืองอุตรดิตถ์ จังหวัด อุตรดิตถ์ รหัสไปรษณีย์ 53000
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่