ภายในอุโบสถวัดหนองยาวสูงประดิษฐานหมู่พระประธานบนฐานไพที ฐานไพทีเป็นฐานปัทมขยายช่องท้องไม้ประดับบัวลูกแก้วอกไก่ ตรงลางยกกระเปาะย่อมุม ประดับบริเวณหน้ากระดานชั้นบนด้วยการลงรักปิดทองประดับกระจกสีเงิน เหลือง และเขียว บนฐานไพทีประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์ องค์กลางมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีพระสาวกขนาดเล็กยืนพนมมือขนาบทั้งซ้าย ขวา ฝาผนังด้านหลังเขียนจิตรกรรมภาพพระพุทธเจ้า ๒ องค์ ประทับนั่งปางสมาธิ
พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์มีพุทธลักษณะคล้ายกัน กล่าวคือ เปลวพระรัศมีแหลมสูง พระเกตุมาลาแป้น พระเกศาเวียนทักษิณาวัตรขนาดเล็ก พระกรรณยาว ปลายพระกรรณงอน พระศอเป็นปล้อง ประทับนั่งขัดสมาธิราบแสดงปางมารวิชัย บนฐานปัทมะ
จากหลักฐานที่ปรากฏอาจเป็นไปได้ว่า พระพุทธรูปที่วัดหนองยาวสูงอาจสร้างขึ้นด้วยคติพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ โดยมีพระศรีศากยมุณีเป็นประธาน เนื่องจากเป็นพระพุทธเจ้าประจำกัลป์ปัจจุบัน
คติเกี่ยวพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ มี ๒ แนวทางด้วยกัน กล่าวคือ ในพระไตรปิฎก กล่าวถึงการที่พระพุทธเจ้ากล่าวแก่พระสาวกถึงพระอดีตพุทธเจ้า สรุปความได้ว่า กัปป์ปัจจุบัน เรียกว่า ภัททกัปป์ ได้แก่มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๕ พระองค์ ๑.พระกกุสันธพุทธเจ้า ๒.พระโกนาคมพุทธเจ้า ๓.พระกัสสปพุทธเจ้า ๔.พระศรีศากยมุนีโคตมพุทธเจ้า ๕.พระศรีอาริยเมตตไตรยพุทธเจ้า โดยกล่าวถึงประพุทธประวัติของแต่ละองค์โดยละเอียด ทั้งนี้ ทุกพระองค์ถือกำเนิดโดยมนุษย์
แนวทางที่ ๒ กล่าวถึงตำนานพญาอีกาเผือก สรุปความว่า พญากาเผือก ๒ ตัวผัวเมียทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันเป็นธรรมชาติสถานที่รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาพระโพธิสัตว์ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือกพร้อมกัน ๕พระองค์เมื่อครบทศมาสแม่กาเผือกออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อ ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพญากาเผือกออกไปหากิน ถิ่นแดนไกล ได้ไปถึงสถานที่หนึ่งอันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธรรมชาติพืชพรรณธัญญาหาร แม่กาเผือกได้เพลิดหากินอาหาร ชื่นชมธรรมชาติอันรื่นรมย์จนมืดค่ำพอดีฝนตกฟ้าคะนองพายุใหญ่พัดกระหน่ำทำให้มืดครึ้มทั่วไปหมดทำให้พญากาเผือกหา หนทางออกไม่ถูกจึงหลงในบริเวณสถานที่นั้น รุ่งอรุณเบิกฟ้า แม่กาเผือกจึงรีบถลาบินกลับสถานที่พัก ณ ที่รังต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำแต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อที่ทำรังอยู่ได้ถูกลมพายุใหญ่พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ ไข่ทั้ง ๕ ได้ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่างๆดังนี้ ไข่ฟองที่ ๑ มีไก่เก็บไปดูแลรักษาไข่ฟองที่ ๒แม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษาไข่ฟองที่ ๓ แม่เต่าเก็บไปดูแลรักษาไข่ฟองที่ ๔ แม่โคเก็บไปดูแลรักษาไข่ฟองที่ ๕แม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา
ครั้งในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ ทั้ง ๕ก็ประสูติออกจากไข่ทั้ง ๕ ปรากฏเป็นมนุษย์ พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ได้เจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงดัวยความกตัญญูต่อมาพระโพธิสัตว์ ทั้ง ๕ปณิธานอันแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญบารมีพระโพธิญาณเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ภัยในวัฏฏะสงสารดังนั้นแม่เลี้ยง ทั้ง ๕ เห็นปณิธานอันแรงกล้าจึงฝากนามของแม่เลี้ยง ไว้กับลูกเพื่อเป็นอนุสรณ์ต่อไปในภาคหน้าเมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพุทธเจ้าโปรดโลกแล้วตามลำดับ
พระนามดังนี้
องค์ที่ ๑ มีพระนามว่าพระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่
องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
องค์ที่ ๓ มีพระนามว่าพระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
องค์ที่ ๕ มีพระนามว่าพระศรีอริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงที่ เป็นราชสีห์