บางหอ เป็นถิ่นธุระกันดาลอยู่ท่ามกลางป่าชายเลน การเดินทางของชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะเพียงอย่างเดียว การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ชาวบ้านต้องเดินทางไปที่วัดเขาตะเคราซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 3 กิโลเมตร ต่อมาได้มีการขออนุญาตสร้างโรงเรียน โดยได้ชื่อว่า โรงเรียนบ้านบางหอ(โสภณเชาว์ราษฎร์รังสรรค์) ชาวบ้านจึงได้ใช้โรงเรียนเป็นที่จัดประชุมและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยนิมนต์พระจากวัดเขาตะเครามาประกอบพิธีการต่างๆ แต่ถ้าเป็นวันสำคัญทางศาสนาต้องเดินทางไปทำบุญ ถืออุโบสถศีลที่วัดเขาตะเคราซึ่งค่อนข้างลำบาก ต่อมาชาวบ้านกลุ่มหนึ่งคิดที่จะจัดตั้งสำนักสงฆ์ โดยซื้อที่ดินบริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบันแล้วถางป่า นำไม้ที่ได้มาก่อสร้างกุฏิหลังคามุงจาก ต่อมาได้ขอไม้เก่าที่เกิดจาการรื้อกุฏิหลังเก่าจากวัดบางจะเกร็ง จังหวัดสมุทรสาคร มาสร้างกุฏิแต่ยังไม่มีไม้ฝา และต่อมาชาวบ้านได้ไปนิมนต์พระใบฎีกาชุบ ยติธมฺโม จากวัดเขาตะเคราให้มารักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหอ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางหอเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ต่อมาก็ได้มีคณะผ้าป่า กฐิน จึงนำเงินที่ได้ไปก่อสร้างโรงครัว กุฏิ ปรับภูมิทัศน์ต่างๆ และต่อมาจึงสร้างพระอุโบสถและจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตเมื่อวันที่ 6-14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 โดยมีเอกสารการก่อตั้งวัดปรากฏในเอกสารการขออนุญาตให้สร้างวัดบางหอขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2531 และพระราชทานวิสุงคามสีมา ประกาศ ณ วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2549 นอกจากนี้วัดบางหอยังมีหลวงพ่อใหญ่(พระสายธาราทิพย์) เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้าน และยังมีศาลเจ้าแม่ตะเคียน ซึ่งศาลเจ้าแม่ตะเคียนเกิดจาการที่มีชาวบ้านไปพบไม้ตะเคียนแต่ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ไม่ว่าด้วยวิธีการใด ชาวบ้านจึงมานิมันต์หลวงพ่อพระใบฎีกาชุบมาอันเชิญเจ้าแม่ตะเคียนจึงสามารถนำขึ้นมาได้ แล้วนำมาไว้ที่วัดและสร้างศาลเจ้าแม่ตะเคียนสำหรับชาวบ้านที่เชื่อถือและกราบไหว้