ชื่อหมาก
ประวัติความเป็นมาของหมาก
หมากเป็นพืชที่คู่กับคนไทยมานานแล้ว แม้ในปัจจุบันจะไม่นิยมกินหมากกัน แต่หมากยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ ทั้งในรูปหมากสดและหมากแห้ง หมากแห้งใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง ฟอกเส้นใย และทำยารักษา โรค และผลหมากสามารถใช้เป็นยาสมุนไพรในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น ใช้สมานแผล แก้ท้องเสีย รักษาโรคเหงือกและฟัน เป็นต้น นอกจากนี้หมากยังมีความสำคัญในการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของคนไทย เช่น การนำหมากเพื่อเลี้ยงถวายพระแม่ธรณี โดยมีความเชื่อว่าพระแม่ธรณีจะปกปักรักษาให้ครอบครัวอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข หมากสามารถแปรรูปได้หลายประเภท ดังนี้
๑. หมากซอย
นำหมากดิบ หรือหมากสด เฉาะเอาเนื้อแล้วผ่าเป็น ๒ ซีก จากนั้นซอยออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หนาประมาณ ๐.๓ ซม. แล้วตากแดดให้แห้ง หมาก ๑,๐๐๐ ผล ได้หมากซอย ๓-๕ กก.
๒. หมากกลีบส้ม
ใช้หมากดิบปอกเอาเนื้อ แล้วผ่าประมาณ ๕-๗ กลีบ ตากแดดให้แห้ง
๓. หมากเสี้ยว
ใช้หมากดิบผ่าตามยาว ๔-๕ ชิ้น แล้วนำมาเจียน แกะเอาเนื้อให้ติดเปลือกนอก ตากแดด ให้แห้ง
๔. หมากแว่น
นำหมากสงที่เปลือกมีสีเขียวปนเหลือง เฉาะเปลือกออก แล้วหั่นหรือไสด้วยเครื่องไสหมากให้เป็นแว่น จากนั้นตากแดดให้แห้ง หมาก ๑,๐๐๐ ผล ได้หมากแว่น ๑๔ - ๑๕ กก.
๕. หมากผ่าซีก
ใช้หมากสุก ผ่าตามยาวเป็น ๒ ซีก นำไปตากแดด 1 แดด แล้วแกะเนื้อออกจากเปลือก ตากแดดอีก ๔ - ๕ แดด จนแห้ง หมาก ๑,๐๐๐ ผล ได้หมากแห้ง ๑๕ กก. ส่วนหมากผ่าสี่ และหมากแห้งทั้งเมล็ด ตากแดด 1 แดด แล้วแกะเอาแต่เนื้อเหมือนหมากผ่าซีก
วิธีการเก็บรักษาหมากแห้ง
ควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด เก็บในที่ร่มมีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อับชื้น เมื่อเก็บไว้นาน ๆ ควรนำออกผึ่งแดดเป็นระยะเพื่อไล่ความชื้นที่สะสมอยู่ในภาชนะ