ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 15° 39' 25.9999"
15.6572222
ลองจิจูด (แวง) : E 101° 6' 24.0001"
101.1066667
เลขที่ : 100120
รำโจ๋ง
เสนอโดย khaunruan วันที่ 21 มิถุนายน 2554
อนุมัติโดย เพชรบูรณ์ วันที่ 2 มิถุนายน 2555
จังหวัด : เพชรบูรณ์
0 1559
รายละเอียด

ประวัติความเป็นมาของการรำโจ๋ง

           นายธวัช ธูปมงคล อายุ ๙๑ ปี นายธวัช ธูปมงคล ปัจจุบัน อยู่บ้านเลขที่ ๕๗ หมู่ ๕ ตำบล สระประ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ บิดาชื่อ นายสูตร ธูปมงคล มารดาชื่อ นางสองเมือง ธูปมงคล มีอาชีพ เกษตรกรรม ได้ให้สัมภาษณ์ประวัติความเป็นมาของการรำโจ๋งว่า การละเล่นรำโทนหรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “รำโจ๋ง” เป็นการเล่นที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้ที่คิดค้นขึ้น แต่พอมีเค้าว่า ในสมัยก่อนนั้นชาวเมืองวิเชียรบุรีมักคิดติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยาหรือเมืองต่าง ๆ แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาโดยอาศัยเส้นทางคมนาคมทางลำน้ำป่าสักอยู่เนือง ๆ จึงนำเอาเครื่องดนตรีประเภทกลองโทน ฆ้อง รวมทั้งท่วงท่ารำจากการละเล่นรำวง การแสดงกลองยาวหรือลิเกของพื้นภาคกลาง แล้วคิดดัดแปลงท่วงท่ารำใหม่ตามภูมิปัญญาประยุกต์เข้ากับการดำเนินชีวิตประจำวันของตนที่เมื่อยามหน้าแล้งว่างเว้นจากการทำไร่ทำนาเด็ก ๆ หนุ่มและสาว ๆ ในช่วงยามเช้าหรือบ่ายมักต้อนวัวและควายจากคอกปล่อยออกไปและเล็มกินหญ้ากินน้ำตามทุ่งไร่ทุ่งนา ส่วนคนเลี้ยงบ้างก็พากันไปคุยกันเล่นกันอยู่ตามร่มไม้ใหญ่ บ้างก็ลงลำห้วยบึงแม่น้ำ หรือเช้าไปในชายป่าที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อหาเก็บผักหักฟืน พอวัวควายอิ่มพลีแล้วจึงแยกย้ายกันต้อนกลับคืนบ้านของตนทำให้เกิดท่าร่ายรำเยื้องย่างช้า ๆ มีกลองโทนและฆ้องคอยตีเพื่อกำกับจังหวะ
                 โดยมีจินตนาการในลักษณะการต้อนวัว ซึ่งแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายสมมุติให้ฝ่ายชายเป็นวัว ส่วนฝ่ายหญิงเป็นคนต้อนและไล่จับวัว โดยฝ่ายหญิงจะไปต้อนฝ่ายชายออกมาทีละคน ในขณะที่ไล่ต้อนจับกันอยู่นั้น จะมีสัญญาณโทนตีจังหวะเสียงดัง ครึ่ม ครึ่ม ครึ่ม เมื่อจับได้แล้ว ฝ่ายหญิงจะควบคุมไว้ แล้วไล่ต้อนจับฝ่ายชายคนต่อไปจนหมด แล้วจึงชวนกันออกมารำฝ่ายหญิงจะรำเป็นวงกลมอยู่รอบนอก ฝ่ายชายจะรำอยู่วงในทำทีเหมือนถูกล้อมคอก ท่ารำท่อนนี้จะเปลี่ยนไปตามจังหวะการตีของกลองโทน เสียงดัง โจงจะโจง ครึ่ม ๆ จำนวน 7 เที่ยว แล้วเปลี่ยนเป็นครึ่ม 1 เที่ยว ในช่วงนี้ฝ่ายชายจะเปลี่ยนคู่รำ อาจจะไปข้างหน้าหรือถอยมารำกับคนข้างหลังก็ได้ พอร่ายรำกันจนเหนื่อยแล้วจึงพักพูดคุยกันหรือแยกย้ายกันกลับบ้านเรือนของตน ครั้นเมื่อภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็ได้มีผู้นำเอาการเล่นรำโจ๋งไปประยุกต์เป็นการละเล่นต่าง ๆ เช่น รำเทิ่งบ้อง รำวงประยุกต์ เป็นต้น 

อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบที่สำคัญ
        ๑.กลองโทน ๒ – ๔ ลูก ซึ่งเดิมได้ทำจากเครื่องปั้นดินเผา สำหรับหนังช่วงใช้ตีโทนสมัยก่อนจะนำหวายมาสานขึงหนังตะกวด หรือหนังตัวแลนให้แน่นตึงกับดินเผา แต่ปัจจุบันส่วนมากจะทำด้วยหนังงูเหลือม
        ๒.ฆ้องโหม่ง ๑ ใบ
ลักษณะการแต่งกาย
       ๑. ฝ่ายหญิงนุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อแขนกระบอก และห่มสไบ
       ๒. ฝ่ายชายนุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อคอกลม ผ้าสไบคล้องคอ
ก่อนจะมีการแสดงรำโจ๋ง
ผู้ให้สำภาษณ์ คือ นายธวัช ธูปมงคล และนางน้อย ตะกรุดแก้ว ผู้แสดงรำ และผู้แสดงตีโทน อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เล่าให้ฟังว่าก่อนที่จะรำต้องมีการไหว้ครูเสียก่อน ซึ่งประกอบด้วยส่วนประกอบดังนี้
๑. เงินค่าครู จำนวน ๑๒ บาท
๒. ดอกไม้ใส่กรวย ๑ คู่
๓. บุหรี่ หมาก พลู จำนวน ๕ คำ
๔. ธูป ๓ ดอก
๕. เทียน ๒ เล่ม 

คำสำคัญ
รำ
สถานที่ตั้ง
สำนักงานวัฒนธรรมอำเภอวิเชียรบุรี
หมู่ที่/หมู่บ้าน บ้านท่าโรง ถนน บุษราคัม
ตำบล ท่าโรง อำเภอ วิเชียรบุรี จังหวัด เพชรบูรณ์
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์
บุคคลอ้างอิง นางภัทธิรา เพชรวงศ์ อีเมล์ phatthira2011@hotmail.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมอำเภอวิเชียรบุรี
หมู่ที่/หมู่บ้าน บ้านท่าโรง ถนน บุษราคัม
ตำบล ท่าโรง อำเภอ วิเชียรบุรี จังหวัด เพชรบูรณ์ รหัสไปรษณีย์ 67130
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่