รายละเอียดข้อมูล
หลวงพ่อตาตน ตั้งอยู่ที่ วัดสำโรงเกียรติ บ้านสำโรงเกียรติ หมู่ 8 ตำบลบักดอง
อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
หลวงพ่อตาตน เป็นพระพุทธรูปแบบขอมปางสะดุ้งมาร ขนาดหน้าตักกว้าง 4 นิ้ว สูง 5 นิ้ว
สร้างด้วยเกสรดอกไม้ผสมครั่งหรือยางชัน ปั้นเป็นรูปพระเรียกว่า “หลวงพ่อตาตน”ตามชื่อคนนำมาถวาย ตามประวัติว่า ตาตนเป็นคนเขมรต่ำมีญาติอยู่บ้านสำโรงเกียรติไปมาหาสู่กันเป็นประจำ วันหนึ่งแกเอาไซไปดักปลาที่ร่องน้ำที่เชิงเขาทางทิศใต้บ้านสำโรงเกียรติ รุ่งขึ้นแกไปกู้ไซที่ดักไว้ ไม่พบปลาแม้แต่ตัวเดียว แต่เห็นพระองค์หนึ่งติดไซอยู่ จึงเอาออกแล้วโยนไปใต้น้ำที่ดักไซไว้ที่เดิม ครั้นวันหลังไปกู้ไซอีก ก็เห็นพระพุทธรูปดังกล่าวติดไซอยู่อีก แล้วแกได้พิจารณาเห็นเหตุการณ์ที่เห็นว่าโยนไปใต้น้ำแล้วกลับมาติดอีกก็น่าจะศักดิ์สิทธิ์ จึงนำพระพุทธรูปนั้นไปฝากไว้บ้านญาติ ครั้นตกตอนกลางคืนทั้งแกและญาติฝันว่าเอาพระเข้าบ้านจะไม่เป็นมงคลให้เอาไปฝากไว้ที่วัด รุ่งขึ้นตาตนได้นำพระพุทธรูปเกสรไปถวายวัดบ้านสำโรงเกียรติเพื่อเป็นสมบัติของวัดต่อไป เจ้าอาวาสได้แจ้งให้ประชาชนและชาวบ้านใกล้เคียงทราบต่างพากันมานมัสการกันอย่างคับคั่งและพากันเรียกว่า “หลวงพ่อตาตน”แต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 2420 พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์จะอาราธนาหลวงพ่อไปประดิษฐานไว้ ณ เมืองขุขันธ์ จึงได้จัดขบวนช้างไปอาราธนาอย่างเอิกเกริก อาราธนาหลวงพ่อ
ตาตนขึ้นบนหลังช้าง พอเคลื่อนขบวนออกจากวัดบ้านสำโรงเดียรติข้ามห้วยทาไปเพียงเล็กน้อย
ก็เกิดลมพายุ ลดพัดมาทั้ง 4 ทิศ ฝนตกลงมาอย่างหนัก ช้าง ม้าหมอบกราบลงพื้น เสียฟ้าคำรามราวแผ่นดินจะถล่ม เจ้าเมืองขุขันธ์เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และปาฏิหาริย์จึงประกาศว่าถ้าลมฝนหยุดจะนำพระพุทธรูปไปไว้ที่เดิม พอประกาศขาดคำลมและฝนก็เบาบางลงทันที เจ้าเมืองขุขันธ์ได้ประกาศให้นำขบวนหลวงพ่อตาตนไปไว้ที่เดิมที่ประดิษฐาน ณ วัดบ้านสำโรงเกียรติ
ต่อมาไม่นานได้เกิดไฟไหม้กุฏิที่หลวงพ่อตาตนประดิษฐานอยู่ ไหม้จนหมดสิ้นไม่มีอะไรเหลืออยู่ หลายคนเข้าใจว่าหลวงพ่อตาตนคงถูกไฟไหม้อย่างแน่นอน คืนวันต่อมามีชาวบ้านฝันเห็นหลวงพ่ออยู่ในบ่อลึกและบอกว่าหนาว แต่ผู้ฝันจำไม่ได้ว่าอยู่บ่อไหน และได้เล่าความฝันให้คนฟังแต่ไม่มีใครเชื่อเพราะผู้ฝันเป็นเด็ก ครั้นเย็นวันหนึ่งชาวบ้านได้มาตักน้ำที่บ่อน้ำภายในวัด มองลงไปในบ่อเห็นหลวงพ่อลอยน้ำอยู่คิดว่าเป็นกบ เมื่อสาวถังน้ำขึ้นมาเห็นหลวงพ่ออยู่ในถังน้ำ จึงร้องอุทานด้วยความดีใจ ชาวบ้านแตกตื่นพากันมาดูเป็นจำนวนมากแล้วอาราธนาไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านสำโรงเกียรติตามเดิม ต่อมาสามเณรรูปหนึ่งได้อาราธนาหลวงพอใส่พานถือไปบนกุฏิได้สะดุดพื้น หลวงพ่อตกลงมากระทบกระแทกบนพื้นจนพระเกศหักต้องเอายางไม้มาต่อพระเกศ สังเกตเป็นรอยต่อทุกวันนี้ ต่อมาไม่นานสามเณรรูปนั้นได้มรณภาพลง คงเป็นเพราะเสียใจในความบกพร่องจนตรอมใจ เพราะหลวงพ่อตาตนมีอภินิหารดังกล่าว จึงมีผู้มาเคารพนับถือมากขึ้นตามลำดับ ส่วนมากจะมาขอพรและแก้บนหลวงพ่อเอาไว้ ทราบว่าการบนขั้นสูงสุดต้องบนด้วยการขอบวชชั่วคราวหรือตลอดไปก็ได้ นับเป็นการบนที่ได้กุศลอย่างสูงและแท้จริงตราบจนทุกวันนี้