หอกังสดาลนี้ตั้งบนพื้นที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะเดิมสถานที่แห่งนี้ในสมัยล้านนา เคยเป็น หอพระนาค ซึ่งปัจจุบันเศียรพระพุทธรูปที่ทำด้วยนากจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย แต่ก่อนหน้านั้นในสมัยหริภุญไชย(พุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ )สถานที่แห่งนี้เคยประดิษฐานหอพระแก้วขาว หรือพระเสตังคมณีมาก่อน ต่อมาถูกพระญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนาเผาทำลาย พร้อมได้นำพระแก้วขาวไปเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่แทนประดิษฐาน ณ วัดเชียงมั่น
หอกังสดาลที่เห็นในปัจจุบันสร้างโดยพระครูพิทักษ์เจติยานุกิจ หรือครูบาคำฟู เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นอาคารโล่ง สูง ๒ ชั้น มีทางขึ้นหันหน้าสู่ทิศตะวันตกเพื่อถวายสักการะแด่พระธาตุหริภุญชัย ชั้นบนแขวนระฆังที่หล่อในสมัยเจ้าหลวงดาราดิเรกรัตนพโรจน์ เจ้าผู้ครองนครเมืองลำพูนองค์ที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๑๕-๒๔๓๑)
ส่วนชั้นล่างแขวนฆ้องหรือกังสดาลขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีจารึกอักษรไทยล้านนาปรากฎอยู่บนกังสดาล ถอดความว่า กังสดาลนี้ หล่อสร้างเมื่อจุลศักราช ๑๒๒๒ หรือ พ.ศ ๒๔๐๓ (ตรงกับรัชกาลที่ ๘ ) โดยครูบากัญจนะมหาเถระแห่งวัดสูงเม่นเมืองแพร่ สถานที่หล่อคือวัดพระสิงห์ เชียงใหม่ ใช้ทองสำริดหนักถึงเจ็ดแสนสองหมื่นเก้าพันตำลึง โดยเจ้ากาวิโลรสสุริยวงค์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๖ เป็นประธานในการหล่อ แล้วนำมาถวายแด่พระธาตุหริภุญชัย เพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนาถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา
หอกังสดาลจึงด้รับฉายาว่า หอระฆังสามนคร เพราะเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่าง แพร่ เชียงใหม่ ลำพูน หอระฆังแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของวัดพระธาตุหริภุญชัย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และพระราชอาคันตุกะหลายพระองค์ในคราวเสด็จพระราชดำเนินมากราบนมัสการองค์พระธาตุหริภุญชัย ทุกพระองค์ทรงลั่นกังสดาลใบนี้ทุกครั้ง ชาวล้านนาเชื่อกันว่า การตีระฆังหรือการลั่นฆ้องนั้นเป็นการส่งสัญญาณบอกบุญให้แก่วิญญาร บรรพบุรุษผู้ล่วงลับให้มารับบุญนั้น ส่วนการตีสามครั้งมีความหมายสองนัยยะ
นัยยะแรก คือ การบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตกาล
นัยยะที่สอง คือ การระลึกถึงคุณงามความดีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่เป็นเลิศ สามประการ ๑. เป็นพระผู้มีพระปัญญาธิคุณหาใครเปรียบมิได้ ๒. เป็นผู้มีพระกรุณาธิคุณหาผู้ใดเสอเหมือนมิได้และ๓. เป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยพระวิสุทธิคุณยิ่งกว่ามวลมนุษย์โลกใดๆ ดังนั้นการลั่นฆ้องกังสดาลสามครั้งของสาธุชน จึงหมายถึงพรสามประการ ลั่นครั้งที่ ๑ ขอให้เป็นผู้มีปัญญา ลั้นครั้งที่ ๒ ขอให้เป็นผู้มีจิตใจเมตตากรุณา และลั่นครั้งสุดท้าย ขอให้เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจาใจ