คุณลุงสำรวย ทวีทรัพย์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี ๒๕๒๒ ได้นำต้นมินต์มาจากจังหวัดนครสวรรค์ มาปลูกเพราะว่าต้นมินต์ มีน้ำมันที่มีสรรพคุณในการแก้หวัด แก้แมลงกัดต่อย แก้เข็ดขัดยอก แก้ปวดเมื่อย ปวดท้อง คนที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต นำน้ำมันมินต์มานวดก็สามารถหายได้
ในปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกต้นมินต์ อยู่ ๓ งาน วิธีการปลูกก็แยกไหลจากต้นแม่มาปลูก ๒ ไหล ต่อหลุมการดูแลรักษาก็ต้องลดน้ำเช้าเย็นต้นมินต์ต้องการความชุ่มชื้นแต่ต้องไม่มีน้ำท่วมขัง ไม่มีโรคและแมลงรบกวนปุ๋ยที่ใส่ก็จะใช้แต่ปุ๋ยหมักชีวภาพ
เมื่ออายุได้ ๗๕ วันก็สามารถจะเก็บเกี่ยวได้ หรือให้สังเกตถ้าอายุ ๗๕ วัน ต้นมินต์จะออกดอกประมาณ ๖๐ % ของแปลงปลูกทั้งหมดหลังจากนั้นทำการเก็บเกี่ยวโดยจะทำการเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าและออกดอกเพราะน้ำมันมินต์จะมีกลิ่นแรงกว่าที่เก็บเกี่ยวในช่วงกลางวันหรือเย็น เมื่อเก็บแล้วนำมาตากแดด ๓ วันแล้วนำไปใส่หม้อนึ่งความดันเพื่อกลั่นน้ำมันโดยในหม้อนึ่งนั้นจะใส่น้ำไว้ชั้นล่างแล้วมีตะแกรงกั้นแล้วจึงใส่ต้นมินต์ที่ตาก ๓ แดดแล้วมาใส่อัดให้แน่นแล้วปิดฝาแล้วก่อไฟ น้ำมันจากต้นมินต์ก็จะระเหยออกมากระทบกับความเย็นก็จะกลายเป็นหยดน้ำผสมกับน้ำมันมินต์แล้วจึงนำมาแยกน้ำและน้ำมันมินต์
ออกจากกัน และกากของต้นมินต์ที่สกัดน้ำมันแล้วนำมาผลิตปุ๋ยชีวภาพจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์และประโยชน์จากต้นมิ้นท์
๑. น้ำมันมิ้นท์ ประโยชน์บรรเทาเคล็ดขัดยอก เป็นหวัดคัดจมูก
๒. น้ำยาบ้วนปาก ประโยชน์ลดการสะสมแบดทีเรีย สาเหตุของโรคเงือก
๓. ยาฆ่าแมลงสมุนไพร ประโยชน์แก้โรคเพลี้ยกระโดด หนอนทอในเหลือง
ปัจจุบันนายสำรวย ทวีทรัพย์ เป็นปราชญ์ท้องถินของตำบลปางมะค่าในการเป็นต้นแบบการนำสมุนไพรมาแปรรูปเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น และได้เผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจ