ประวัติวัดโลกโมฬี
วัด โลกโมฬีสร้างขึ้นในสมัยใดนั้นยังหาหลักฐานได้ไม่แน่ชัดแต่จากหลักฐานที่ ปรากฏอยู่ในตำนานวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ (ฉบับพิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔) มีความว่า " เมื่อ พ.ศ. ๑๙๑๐ พระเจ้ากือนาธรรมิกราช กษัตริย์ล้านนารัชกาลที่ ๖ แห่งราชวงศ์เม็งรายและรัชกาลที่ ๓๑ หากนับแต่พระเจ้าลวจังกราช เป็นต้นมา พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม และมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในพระมหาอุทุมพรบุปผมหาสวามีเจ้า เมืองมติมา(เมืองเมาะตะมะ) จึงใช้ให้ราชบุรุษไปอัญเชิญพระมหาเถระเจ้ามาสืบศาสนาในล้านนาไทย แต่พระมหาเถระทรงชราภาพ จึงให้พระอนันทะเถระและพระเถระที่เป็นศิษย์อีก ๑๐ รูป มายังนครเชียงใหม่และจำพรรษาอยู่ที่วัดโลก" และการที่พระเจ้ากือนา นำพระเถระที่พระองค์เคารพศรัทธาและเป็นแขกต่างเมืองไปพักจำพรรษาที่วัดโลก วัดนั้นจะต้องเป็นวัดที่เหมาะสมใหญ่โต เป็นสัปปายะสถานเป็นแน่แท้.
สถานที่ตั้ง
วัดโลกโมฬี ตั้งอยู่ตำบลศรีศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ด้านทิศเหนือนอกกำแพงเมืองเชียงใหม่ตามประวัติแล้วชื่อของวัดปรากฏในสมัยของพระเจ้ากือนา ทรงโปรดให้คณะสงฆ์ของพระมหาอุทุมพรบุปผา มหาสวามี จำนวน 10รูป จำพรรษาอยู่ที่วัดโลก สมัยพระเมืองแก้วในปี พ.ศ.2070โปรดให้สร้างวิหารและมหาเจดีย์ ในปี พ.ศ.2088พระเมืองเกษเกล้าถูกปลงพระชนม์ ได้นำอัฐิมาบรรจุไว้ที่เจดีย์วัดโลกนี้ ต่อมาในปี พ.ศ.2121พระนางวิสุทธิเทวี ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ทิวงคต ได้ทำการถวายพระเพลิงและบรรจุอัฐิไว้ในเจดีย์วัดโลกนี้โบราณสถานแห่งนี้ประกอบด้วย ฐานอุโบสถและเจดีย์ ลักษณะเจดีย์มีขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม 3 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็น ฐานปัทม์มีลูกแก้วคาด 2 เส้น เรือนธาตุตั้งอยู่ในผังสี่เหลี่ยมยกเก็จด้านละ 2 ครั้ง แต่ละด้านมีซุ้มจรนัมประดิษฐานพระพุทธรูป มุมเรือนธาตุมีเทวดาปูนปั้นประดับ มุมละ 2 องค์ เหนือเรือนธาตุเป็นชั้นบัวถลายกเก็จซ้อนลดหลั่นกันรองรับองค์ระฆังกลม ปล้องไฉนและปลียอด วัดแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 ส่วนรูปแบบทางสถาปัตยกรรมองค์เจดีย์มีอายุในช่วง พุทธศตวรรษที่ 21