ประวัติวัดส้างพระอินทร์
พุทธอุทยานวัดสร้างพระอินทร์มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2,300 กว่าไร่ ตั้งอยู่ที่สันเขาภูพานน้อยบ้านน้อยคำเจริญหมู่ 11 ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม มีเขตติดต่อใกล้เคียงคือ ทิศเหนือติดกับหมู่บ้านหนองหอยใหญ่ บ้านโพนดู่โคกสวัสดิ์ บ้านหนองหญ้าปล้อง บ้านสะพานสูง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ทิศใต้ติดกับหมู่บ้านน้ำบ่อ บ้านโพนแดง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เดิมวัดสร้างพระอินทร์เป็นสำนักสงฆ์เริ่มก่อตั้งมาประมาณร้อยกว่าปีแล้ว ต่อมากระทรวงศึกษาธิการประกาศยกฐานะเป็นวัด เมื่อวันที่ 18 เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2544 เป็นวัดป่าสายปฏิบัติ มีประวัติความเป็นมาตามลำดับดังนี้
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2431ได้มีพระอาจารย์ครุฑ ชาวบ้านหนองหอยใหญ่ เป็นผู้มีความสามารถในทางช่างและแกะสลัก ได้ชักชวนชาวบ้านหนองหอยใหญ่และหมู่บ้านใกล้เคียงร่วมกันแกะสลักตกแต่ง ทาสีรอยพระพุทธบาทซึ่งมีรอยเดิมอยู่แล้วบนแผ่นศิลา และแกะสลักพระพุทธรูปเสี่ยงทายด้วย ในบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีส้าง(บ่อน้ำ)พระอินทร์ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่พระอินทร์เป็นผู้สร้างขึ้นมาเป็นเวลานานกว่า 600 ปีมาแล้ว มีขนาดกว้าง 1 เมตร ลึกประมาณ 1.50 เมตร มีน้ำตลอดปีไม่เคยแห้งขอด เป็นน้ำที่ใสสะอาดมาก หากผู้ใดได้ดื่ม หรืออาบน้ำในส้างพระอินทร์นี้แล้วเชื่อกันว่า จะหายจากโรคภัยไข้เจ็บนานาประการ ชาวบ้านที่ไปเก็บของป่าได้มาหยุดพักกินอาหารเที่ยงและดื่มน้ำที่นี่ ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ส้าง(บ่อน้ำ)เที่ยง
ประมาณ พ.ศ.2464 ได้มีพระอาจารย์ปุ้ย ชาวบ้านหนองหอยใหญ่ ซึ่งเป็นพระฝ่ายวิปัสนากรรมฐาน พร้อมกับพระอาจารย์คำ ได้ร่วมกันอุปถัมภ์บำรุงโดยสร้างศาลาครอบรอยพระพุทธบาทไว้ เมื่อพ.ศ.2473หลวงพ่อพันธ์ ชาวบ้านหนองหอยใหญ่ ได้นำชาวบ้านสร้างกุฏิ 1 หลัง ปัจจุบันอยู่ที่บริเวณศาลาหลังพระใหญ่ (พระพุทธการุณ) และได้จำพรรษาอยู่วัดนี้หลายปี เมื่อ พ.ศ.2504 หลวงพ่อพิม เป็นพระธุดงค์อีกรูปหนึ่งเล่าว่ามาจากแขวงจำปาสัก
ประเทศลาว ธุดงค์มาปักกลดในบริเวณบ้านหนองหอยใหญ่ และวัดส้างพระอินทร์ ได้เทศนาและสอนกรรมฐานให้แก่ชาวบ้าน คุณพ่อลูน แสนสุภา ได้สนใจในการปฏิบัติธรรมมากเลยขอติดตามหลวงพ่อพิม เพื่อไปธุดงค์กับหลวงพ่อพิมเป็นเวลา 1 เดือน จึงกลับมาจำพรรษาที่วัดส้างพระอินทร์อีกปลายปีพ.ศ.2505นายเนตร ศิริสานต์ ปลัดอำเภอนาแกได้เห็นว่าวัดส้างพระอินทร์เป็นสถานที่สำคัญสมควรแก่การทำนุบำรุง เพื่อเป็นสมบัติของส่วนรวม จึงได้นำราษฎรบ้านหนองหอยใหญ่ และบ้านใกล้เรือนเคียงร่วมกันสร้างศาลา 1 หลัง เพื่อเป็นประโยชน์และใช้ประกอบศาสนพิธีในการบำเพ็ญกุศลในวันสำคัญ และคนเดินทางไปมาได้พักอาศัย เมื่อ พ.ศ.2507 พระมหาเสวตร วชิรญาโณ ได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างเจดีย์องค์หนึ่งสูง 7.90 เมตร ข้างรอยพระพุทธบาทเพื่อบรรจุพระสารีริกธาต และพระอรหันตธาตุ ไว้สักการบูชา
พ.ศ.2508หลวงพ่อพิม ได้กลับคืนมาจำพรรษาที่วัดส้างพระอินทร์อีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ ทางราชการได้ขอร้องให้ประชาชนและนิมนต์พระภิกษุที่อยู่ตามไร่นาป่าเขาเข้ามาอยู่ในวัดบ้านให้หมด จนกระทั่ง
พ.ศ.2526พระเชื้อ สันตุสฺสโก ได้ชักชวนพระอีก 2 รูป คือพระเทียม(ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) และพระประยูร ไปขออนุญาตจากทหาร มาอยู่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดส้างพระอินทร์แห่งนี้
เมื่อพ.ศ.2527พระมหาสอ้อน ปญฺญวฒฺโน ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดจันทาราม ตลาดพลู กรุงเทพมหานคร ได้ชักชวนพ่อค้าประชาชน ได้ร่วมกันจัดทำผ้าป่าสร้างศาลาขึ้นอีกหลังหนึ่ง และได้นำพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้ที่ศาลาหลังนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้มีจิตศรัทธาสร้างกุฏิถวายอีก 4 หลัง เพียงพอแก่การจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์
เมื่อพ.ศ.2528พื้นที่หมู่บ้านบริเวณนี้ประสบภัยแล้ง ฝนไม่ตกข้าวกล้าเสียหายมาก ประชาชนทำมาหากินด้วยความลำบาก พระมหาสอ้อน ได้ประชุมชาวบ้านเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยนางยอด และได้ขออนุญาตจัดตั้งวัดส้างพระอินทร์ให้เป็นศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาเยาวชน โดยขึ้นทะเบียนให้อยู่ในความอุปถัมภ์ของกรมศาสนา ตามประกาศของกรมศาสนาเรื่องรับหน่วยเผยแพร่กระทรวงคมนาคม ที่ คค 0100/1135 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2528 รับเชิญเป็นกรรมการที่ปรึกษาและอุปถัมภ์ศูนย์ (สมัยนั้นนายสมัคร สุนทรเวช) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายชวน หลีกภัย) รับอุปถัมภ์ศูนย์และเมื่อในวันที่ 24 เมษายน 2529 ได้รับหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการพระบรมมหาราชวังว่า จะเร่งสร้างอ่างเก็บน้ำโดยรีบด่วน และได้มอบหมายให้กรมชลประทานเป็นหน่วยงานที่ก่อสร้างในปี 2529นี้เอง มีผู้มีจิตศรัทธาคือ คุณแม่ไข แสนสุภา ได้ให้พระลูกชาย (พระอาจารย์เชื้อ สันตุสฺสโก) สร้างหอพระไตรปิฎกขึ้น ได้วางศิลาฤกษ์ ลงมือก่อสร้างในปีนั้น และเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2533
ต่อมาหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปญฺโญ ได้พาญาติโยมชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาก่อสร้างพระใหญ่(พระประทานพร พระพุทธการุณ) ขึ้นโดยตอนแรก ๆ ก็พากันเก็บก้อนหินขึ้นมาเพื่อสร้างฐานพระ ทุกคนต่างอาศัยความศรัทธาตั้งใจขนก้อนหินโดยไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อย เพราะมีความเชื่อว่าหากใครขนได้มากจะได้บุญมาก ต่อจากนั้นก็ได้ทำการสร้างอย่างจริงจังไปพร้อมๆ กับสร้างศาลาไม้หลังใหญ่ ด้านหลังองค์พระใหญ่จนเสร็จสมบูรณ์พร้อมกันในปี พ.ศ.2538 นั้นเอง ถ้าหากขึ้นไปยืนอยู่ชั้นบนฐานพระใหญ่มองลงไปทางทิศตะวันออก จะมองเป็นองค์พระธาตุพนมได้อย่างชัดเจน
ปี 2543พล.ต.ท.เสรี เตมียเวส (วีรบุรุษนาแก) จเรตำรวจแห่งชาติ (ตำแหน่งในสมัยนั้น) และคณะกลุ่มเพื่อนเสรี ได้นำกฐินมาทอดถวาย เป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อสร้างกำแพง รอบวัดจนแล้วเสร็จ
ในปี 2545สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดส้างพระอินทร์ เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ได้ทอดพระเนตรพระพุทธการุณ และทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอยู่เป็นจำนวนมาก โอกาสนี้ นายยงยุทธ นุกิจรังสรรค์ นายอำเภอนาแก(สมัยนั้น) กราบบังคมทูลรายงานให้ทรงทราบถึงสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของราษฎรในบริเวณใกล้เคียง นับเป็นมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม
ปัจจุบันนี้วัดส้างพระอินทร์ยังมีศาสนวัตถุคือ อุโบสถ ที่สร้างด้วยเงินงบประมาณ 13 ล้านบาท โดยการนำของหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปญฺโญ และคณะศิษยานุศิษย์ และศาลาที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปญฺโญ ซึ่งตั้งอยู่หน้าศาลาหลังใหญ่ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา
วัดส้างพระอินทร์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีความสงบร่มเย็น เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม และผู้มีศรัทธาในการสร้างบุญ โดยแบ่งส่วนของวัดออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ พื้นที่ด้านบน บริเวณพระใหญ่ พระพุทธการุณ ศาลาใหญ่ และอุโบสถ ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา พื้นที่ด้านล่าง บริเวณรอยพระพุทธบาท เจดีย์ บ่อน้ำพระอินทร์ หอพระไตรปิฎก และกุฏิกรรมฐาน ใช้ในการปฏิบัติธรรมกรรมฐานของพระภิกษุสงฆ์ และอุบาสก อุบาสิกา ผู้ใฝ่ใจในการประพฤติปฏิบัติธรรม