พระธาตุ ตั้งอยู่ที่วัดมหาธาตุ หมู่ที่ 8 ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท
องค์พระธาตุ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกันเป็นช้ัน ๆ ที่เป็นยอดเล็กยอดน้อยหลายยอดนั้นไม่ใช่ปรางค์ (ลายพระหัตถ์ ร.๕) องค์พระธาตุนั้นมีฐานสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ในระเบียงคด มีบันไดขึ้นทางทิศตะวันออกด้านหลังอุโบสถ ส่วนใหญ่พังทลายลงไปมากจนแทบจะมองไม่เห็นถึงสภาพเดิมอันแท้จริงว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีแบบอย่างที่ไหนบ้าง ด้านสี่เหลี่ยมทุกด้านมีร่องรอยภาพปูนปั้น กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวัตถุเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ระเบียงคดที่ประดิษฐานองค์พระธาตุนั้น ทิศตะวันตกยาว ๖๖ เมตร ทิศเหนือยาว ๔๑ เมตร ทิศตะวันออกยาว ๖๖ เมตร ทิศใต้ยาว ๔๑ เมตร ระเบียงคด ทั้งสี่ทิศนั้นตรงมุมจะมีพระพุทธรูปปูนปั้น ๒ องค์ ขนาดพระเพลา ๑.๘๐ เมตร ทั้งสี่มุม ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ๓ องค์ บูรณะเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ ตามแนวระเบียงมีพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดพระเพลา ๑.๑๕ เมตร เรียงเป็นแถว พระชานุแทบจะติดกัน ตลอดแนวระเบียงคดทั้งสี่ด้าน ทางด้านทิศเหนือขององค์พระธาตุมีเจดีย์ ๓ องค์ ถูกขุดค้นพังทลายนานมาแล้วแต่ยังคงมีเค้าฐาน พระเจดีย์ให้เห็นระเบียงคดนี้คงไม่มีหลังคา เข้าใจว่าคงจะยังไม่สร้างสมบูรณ์ก็เป็นไปได้ จากการขุดตอนบนขององค์พระธาตุ พบพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ ศิลปะแบบสุโขทัยพระเพลาประมาณ ๑ เมตร ชำรุดบางส่วน และได้มีการสร้างครอบเจดีย์ที่มีอยู่เดิมอีกทีหนึ่ง คงจะทำในสมัยเจ้ายี่พระยา เพราะพระเครื่องหรือพระพิมพ์ต่าง ๆ ที่ขุดพบตอนบนองค์พระธาตุ มีลักษณะเหมือนกับพระพิมพ์ที่ขุดพบในพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ของวัดมหาธาตุส่วนมากเป็นพระพิมพ์องค์เล็ก ๆ เนื้อชินเงินชุบปรอทกันผุ มีแสดงให้ชมที่พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อพระปลัดฉ่อง แต่ไม่ครบทุกพิมพ์
องค์พระธาตุสมัยก่อนคงเป็นบุญสถานศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองสรรค์ โดยเปิดให้ประชาชนได้นมัสการพระพุทธรูปบนองค์พระธาตุ เวลามีงานเทศกาลจะมีการ ปิดทองพระบูชาองค์พระธาตุ เพราะหลักฐานจากการขุดพบราวเทียน หรือราวปักเทียนขนาดยาว ๒.๓๐ เมตร ใกล้ฐานองค์พระธาตุด้านทิศเหนือ (ราวเทียนเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อพระปลัดฉ่อง)