โรงเรียนวัดบ่อทรัพย์
ประวัติสถานศึกษาโรงเรียนวัดบ่อทรัพย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา เขต 1มีประวัติพอสังเขป ดังนี้
วันที่ 1พฤศจิกายน 2549 หลวงนานานิคมวิจารณ์ นายอำเภอเมืองสงขลาขณะนั้น ได้ร่วมกับชุมชนบ้านแหลมสน กำนันตำบลแหลมสน และเจ้าอาวาสวัดภูผาเบิก ได้ร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนขึ้นที่วัดภูผาเบิก โดยใช้สาลาการเปรียญเป็นที่เรียนให้ชื่อว่า โรงเรียนบ้านแหลมสน มีนายเอี่ยม สังขพันธ์ ทำหน้าที่เป็นครูใหญ่คนแรก
วันที่ 1กันยายน 2462โรงเรียนหยุดทาการสอนเนื่องจากไม่มีครู
วันที่ 1 กันยายน 2464รองอำมาตย์โทหลวงภักดี ดำรงฤทธิ์ราษฎร์ นายอำเภอเมืองสงขลาขณะนั้น ได้ดำเนินจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่ ตามพระราชบัญญัติการประถมศึกษาที่วัดบ่อทรัพย์ให้ชื่อว่า โรงเรียนประชาบาลตำบลแหลมสน 1(วัดบ่อทรัพย์) โดยใช้ศาลาการเปรียญวัดบ่อทรัพย์เป็นที่เรียน มีสามเณรบูรณะ ทำหน้าที่เป็นครูใหญ่ พระอธิการเซ่ง ยะโส เจ้าอาวาสวัดบ่อทรัพย์เป็นผู้อุปถัมภ์โรงเรียน
วันที่ 1มกราคม 2497ย้ายมาจากวัดบ่อทรัพย์มายังที่ตั้งปัจจุบันซึ่งเป็นที่ดินของราชการโดยขุนชนะ ณรงค์ศึกษากร ศึกษาธิการอำเภอเมืองสงขลาขณะนั้นได้จัดชื้อไว้ และได้รับบริจาคเพิ่มเติมจากเอกชน อีกบางส่วนก่อสร้างอาคารเรียนขึ้นได้ชื่อว่า โรงเรียนวัดบ่อทรัพย์ ต่อมากรมธนารักษ์โดยราชพัสดุจังหวัดสงขลาได้รังวัดปักหลักเขตขึ้นทะเบียนเป็นราชพัสดุ เมื่อปี 2529รวมเนื้อที่ 6ไร่ 90.6ตารางวา เลขที่ทะเบียน สข.300
ปัจจุบันโรงเรียนวัดบ่อทรัพย์ จัดการศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา จนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3
ที่ตั้งสถานศึกษาตั้งอยู่ที่หมู่บ้านบ่อเตย หมู่ที่ 2ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
ลักษณะชุมชนที่สถานศึกษาตั้งอยู่ชุมชนบ้านบ่อเตย เป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ลักษณะที่ตั้งของหมู่บ้านเป็นที่ลาดเชิงเขาวัดบ่อทรัพย์ มีสภาพการชะล้างหน้าดินสูง สภาพดินจึงขาดความอุดมสมบูรณ์ ปลูกพืชคลุมได้ยาก
การคมนาคมโรงเรียนวัดบ่อทรัพย์ห่างจากที่ว่าการอำเภอสิงหนคร โดยทางขนานยนต์ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ห่างจากเทศบาลเมืองสงขลาโดยทางเรือประมาณ 2 กิโลเมตร การเดินทางสะดวกสามารถเดินทางได้ทั้งทางรถและทางเรือ
สภาพทางสังคมและทางเศรษฐกิจเป็นสังคมชนบทของชาวไทยพุทธและมุสลิมที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมเป็นเครือญาติ ยึดถือประเพณีและปฏิบัติตามประเพณี วัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ทั้งวัดและมัสยิดเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาทั้ง 2 ศาสนา และประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอาชีพประมงร้อยละ 70ที่เหลืออีกร้อยละ 30เป็นอาชีพรับจ้าง ค้าขาย ทำสวน ข้าราชการ เป็นต้น