ตามความเชื่อของชาวอิสาน เมื่อสร้างบ้านสร้างเมือง จะต้องศาล ปู่-ตา ประจำหมู่บ้าน และ ทำพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าสถิตเป็นที่เคารพสักการะ และปกป้องภัยแก่ลูกหลาน ซึ่งชาวบ้านแคนดง ก็ได้สร้างศาลปู่ตาขึ้น และทำพิธีกรรมสืบต่อกันมา เมื่อปี พ.ศ. 2538 ชาวบ้านในบ้านแคนดง และบ้านไมตรีจิต บ้านอนามัย ได้เสียชีวิตติดต่อกันหลายสิบคน ชาวบ้านเชื่อว่า เกิดอาเพศ จึงได้ร่วกันจัดสร้างศษลหลักเมืองขึ้น และประกอบพิธีกรรมอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งเจ้าปู่ ที่ศาลปู่ตา เดิม มาสถิตเป็นที่เคารพสักการะ แต่ศาลหลักเมืองเป็นอาคารเล็กๆ ไม่สง่างาม และอยู่ท้ายหมู่บ้าน สถานที่ไม่เหมาะสม
เมื่อปี พ.ศ. 2550 มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งอำเภอแคนดงขึ้น นายพิจิตร ศรีท้าว นายกเทศมนตรี ตำบลแคนดง จึงคิดสร้างศาลหลักเมืองขึ้นใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคล และศูนย์รวมจิตใจชาวอำเภอแคนดง ได้เชิญชวนพ่อค้าคหบดี ประชาชนชาวอำเภอแคนดง และผู้มีจิตศรัทธาช่วยกันดำเนินการก่อสร้าง โดยได้วางศิลาฤกษ์เมื่อเดือน สิงหาคม 2550 ทำพิธียกยอดฉัตรศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2551 และดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมาจนแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2552 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,604,363.- บาท
ไม้ที่ใช้ทำหลักเมือง ใช้ต้นตะเคียน โดยได้อัญเชิญมาจากบ้านแนวมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พระครูโสภณธรรมประสิทธิ์ เจ้าคณะอำเภอแคนดง เป็นผู้ออกแบบ นายเป้ย สรโคตร เป็นช่างประดิษฐ์ตกแต่ง และ นายมาโนช จันทร์พลงาม เป็นช่างแกะสลัก พระพรหมเสาหลักเมือง จัดทำแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2553 มี นายริกกรานต์ บุญเจริญ นายอำเภอแคนดง ได้จัดพิธีอัญเชิญเสาหลักเมืองประดิษฐาน ณ ศาลหลักเมืองแคนดง ในวันที่ 11 เมษายน 2553 โดยมี นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสถา และ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธี