ชื่อ ก้อนเซ้า
ประเภทและลักษณะ การใช้ก้อนดินวางเป็นเส้า 3 ก้อน มีฐานดินรองรับก้อนเส้า โดยหมักดินเหนียวกับแกลบ หรือรำหยาบไว้ประมาณ 7 วันทำโครงไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว่างประมาณ 50 ซ.ม. ยาว 1 เมตร แล้วใช้ดินเหนียวที่หมักใส่ไปในโครงไม้แผ่ให้ราบเรียบไปกับโครงไม้นั้น ความหนาประมาณ 10 ซ.ม. ตากให้แห้งเพื่อนำไปใช้เป็นที่รองก้อนเส้า โครงไม้เรียกว่า “แม่สีไฟ”
ประวัติความเป็นมา ก้อนเซ้า (ภาษาไทยพวน) หรือก้อนเส้า เป็นเตาไฟ เมื่อก่อนการทำเตาฟืน จะใช้ก้อนหิน 3 ก้อน มาเรียงใช้หม้อวางก็ใช้ได้ ต่อมาประดิษฐ์ที่วางหม้อให้สวยงามโดยใช้ดินเหนียวมาปั้นเป็นก้อนปลายเรียวโค้งเข้าหากัน การใช้ก้อนเส้าเป็นเตาฟืน มักหุงหาอาหารตามใต้ถุนหรือนอกบ้านไม่สามารถทำในบ้านได้เพราะไฟอาจไหม้พื้นกระดานได้ ต่อมาจึงคิดทำฐานที่เป็นดินเหนียวพร้อมโครงไม้มาเป็นฐาน จึงสามารถนำมาใช้วางในบ้านได้
ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง ผีก้อนเส้าเตาไฟถือว่าเป็นผีประจำครัวไฟ หากเจ้าบ้านจะออกบ้านไปที่อื่นโดยเฉพาะมีเด็กออกบ้านไปด้วย เจ้าบ้านจะนำเอาก้อนข้าวนึ่งวางไว้บนก้อนเส้าทั้งสามก้อนและวางไว้ที่ริม ขอบไม้แม่ซี่ไฟอีกหนึ่งก้อนพร้อมกับบอกกล่าวว่า ขอให้ผีก้อนเส้าเตาไฟปกปักรักษาผู้คนที่ออกจากบ้านเรือนไปธุระในที่ท้องถิ่น อื่นไกลให้เสร็จสมปรารถนา หากมีเด็กไปด้วยผู้ใหญ่จะเอานิ้วมือเช็ดมินหม้อสีดำแล้วมาแตะระหว่างคิ้วเด็ก เพื่อบอกว่าขอให้ผีก้อนเส้าเตาไฟรักษาเด็กให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง โดยมีสีดำเป็นที่จำหมาย หากเด็กพลัดหลงก็จะมีที่จำหมายให้ผู้พบเห็นทราบว่าเป็นเด็กมาจากที่อื่น
วัสดุที่ใช้ หิน
วิธีทำ ใช้ฝืนหรือถ่านเป็นเชื้อเพลิง วางหม้อหรือภาชนะที่ต้องการ
บทบาทและหน้าที่ ความสำคัญในอดีต เป็นเตาไฟใช้ในการหุงข้าวทำอาหารของคนสมัยก่อน ปัจจุบันอาจจะมีพบบ้างตามพื้นที่ชนบทในต่างจังหวัด
วิธีการเรียนการสอน -
ประโยชน์ของภูมิปัญญา ใช้สำหรับหุงหาข้าวและทำอาหารของคนไทย
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ เลขที่ 477 หมู่ที่ 2 บ้านหาดเสี้ยว ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย