อนุสาวรีย์พลตรี พระเจ้าบรมวงค์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานี ตั้งอยู่ ณ กลางตัวเมืองจังหวัดอุดรธานี ท่านทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมืองและทรงวางรากฐานการปกครองและสร้างความเจริญให้แก่จังหวัดอุดรธานี พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงเป็นพระเจ้าลูกเธอองค์ที่ 25 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นที่ 1 ในเจ้าจอมมารดาสังวาลย์ ธิดานายศัลยวิชัย ( ทองคำ ณ ราชสีมา ) ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันเสาร์ เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะโรง จุลศักราช 1218 ตรงกับวันที่ 5 เมษายน 2399 เมื่อสมโภชเดือนแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ เพราะเมื่อประสูติมีผู้นำทองคำก้อนใหญ่ ซึ่งขุดได้ที่ตำบลบางสะพานในเวลานั้นได้เข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงถือว่าเป็นศุภนิมิตมงคลสำหรับพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ เมื่อพระราชทานพระนามได้ทรงพระราชนิพนธ์คาถาพระราชทานพระพร ซึ่งมีคำเเปลดังนี้ กุมารดีนี้ จงมีชื่อว่า ทองกองก้อนใหญ่ อย่างนี้เทียว โดยเนื้อความเพราะได้ทองแท่งใหญ่ จงไม่มีโรค เป็นสุข มีอายุยืน อันใครๆ ให้กำเริบไม่ได้ จงมีลาภมียศ รักษาเกียรติยศของบิดาไว้ในกาลทุกเมื่อ จงอาจเพื่ออภิบาลกิจของบิดาด้วยความสามารถทั้งปวง จนตลอดชีพ จงได้ทรัพย์สมบัติ สำหรับตระกูล พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมนับได้ว่าทรงเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์ให้เกิดเเก่ชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทรงเป็นกำลังสำคัญพระองค์หนึ่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการรักษาดินแดนพระราชอาณาเขตของไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในสมัยที่ประเทศมหาอำนาจในยุโรปกำลังแสวงหาเมืองขึ้นในดินแดนติดต่อกับประเทศไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ได้ปราบปรามก่อความไม่สงบของพวกฮ่อในมณฑลลาวพวนจนสงบราบคราบ นอกจากนั้นเมื่อทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือนั้น ได้ทรงจัดราชการทั้งปวงทั้งส่วนปราบปรามข้าศึกศัตรู และการปกครองรักษาพระราชอาณาเขตด้วยพระปรีชาสามารถ และอุตสาหะวิริยะอันแรงกล้าให้ราชการทั้งปวงสำเร็จเป็นคุณประโยชน์แก่ราชการแผ่นดิน และให้ราษฎรได้รับความสุขปราศจากภัยอันตรายโดยทั่วกัน โดยได้ทรงอดทนต่อความตรากตรำลำบากมิได้ท้อถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งจังหวัดอุดรธานี จากที่ตั้งกองบัญชาการมณฑลลาวพวนที่บ้านหมากแข้ง ในพุทธศักราช 2436 ได้ทรงริเริ่มสร้างบ้านหมากแข้งให้เกิดความเจริญจากหมู่บ้านชนบทจนเป็นเมืองอุดร และต่อมาได้ยกฐานะเป็นจังหวัด นับเป็นการก่อสร้างรากฐานความเจริญวัฒนาถาวรให้เกิดแก่เมืองอุดรธานีจวบจนปัจจุบัน พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ประชวรด้วยโรคอันตะ (ไส้ใหญ่ ) พิการ และสิ้นพระชมน์ ณ วังตรอกสาเก เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2467 เวลาหกนาฬิกา หลังเที่ยง สิริพระชันษาได้ 68 พรรษา 9 เดือน 20 วัน ถึงแม้ว่าถึงวันสิ้นพระชมน์ของพระองค์ จวบจนปัจจุบัน ( พ.ศ. 2546) จะเป็นเวลานานกว่า 79 ปีก็ตาม แต่พระเกียรติคุณพระกรุณาธิคุณได้ทรงมีต่อชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานี สถิติอยู่ในหัวใจของปวงชนชาวไทย ชาวจังหวัดอุดรธานี ตราบชั่วฟ้าดินสลาย. มีความเชื่อว่าการกราบไหว้อนุสาวรีย์แห่งนี้หากกราบสักการะเพื่อของพรเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ความก้าวหน้าการสอบเข้ารับราชการทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจ สอบแข่งขันเพื่อศึกษาต่อในสถาบันต่างๆ เคล็ดลับคือการตั้งจิตอธิฐานบนบานพระองค์ท่านด้วยการวิ่งแก้บนท่านรอบอนุสาวรีย์ๆ และถวายดาบกับม้า จุดธูป 9 ดอก เทียน2 เล่ม หากต้องการบนบานให้ใช้ธูป 16 ดอก เทียน 2 เล่ม พร้อมดอกไม้หรืออาจจะใช้น้ำมันเพื่อเติมตะเกียง บริเวณอนุสาวรีย์ๆ ให้มีความสว่างไสวทำให้เราก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ปราศจากอุปสรรคต่างๆ ในการทำงาน ประสบความสำเร็จในการเรียน