การตำสาด หรือเรียกเป็นภาษากลางวาง การทอเสื่อ ที่บ้านแดง อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี จะใช้ต้นกกมาเป็นวัสดุในการทอ โดยเริ่มจากตัดต้นกกที่ได้ขนาดแล้ว มาตากให้แห้ง โดยอาศัยบริเวณหน้าบ้าน หรือริมถนนข้างท้องนา เมื่อตากจนแห้งสนิทแล้ว ก็จะนำมาตัดหัวและท้ายออก จากนั้นก็ลอกเอากาบออก จึงสามารถนำมาตำได้
ระหว่างที่รอต้นกกที่ตากไว้จะแห้ง ก็จะเริ่มมาขึงเส้นด้ายที่ใช้ยึดต้นกกเพื่อให้ติดกันเป็นเสื่อ (ถ้าเปรียบกับการทอผ้า เส้นด้ายในเสื่อทอก็เหมือนกับเป็นเส้นด้ายยืน) โดยจะต้องกำหนดความกว้างและความยาวของเสื่อก่อน แล้วจึงขึงเส้นด้ายตามขนาดที่กำหนดนั้น เช่น ถ้าต้องการเสื่อกว้าง 2 เมตร ก็ขึงเส้นด้ายกว้าง 2 เมตร โดยขึงกับตะปูที่ตอกไว้ที่ไม้ ส่วนความยาวของด้ายจะยาวเท่าไหร่ก็จะขึ้นอยู่กับความยาวเสื่อเช่นกัน
การตำเสื่อด้วยกี่ประเภทนี้ต้องใช้คนตำอย่างน้อยสองคน คนหนึ่งเป็นผู้สอดเส้นกกเข้าขวางเส้นด้าย ซึ่งมักใช้ผู้หญิง ส่วนอีกคนเป็นคนตำหรือฝัดฟืมเพื่อให้เส้นกกประสานกันแน่นก็มักจะผู้ชาย เพราะมีแรงดีกว่า จะทำให้ได้เสื่อที่แน่นดี
เมื่อทอเสื่อจนได้ขนาดที่ต้องการแล้ว ก็จะนำมาตัดริมออก เพื่อให้มีขอบเสมอกัน แล้วจึงนำมาเย็บริมด้วยผ้า ซึ่งจะทำให้งานดูเรียบร้อยมากขึ้น แต่ถ้าทำไว้เพื่อใช้เอง บางครั้งก็ไม่ต้องเย็บริมก็ได้
การทอเสื่อ หรือ การตำสาดนี้ เป็นภูมิปัญญาของคนไทยมาแต่โบราณ ไม่ว่าจะภาคไหนก็จะมีการทอเสื่อไว้ในบ้านแทบทั้งสิ้น เป็นการแสดงให้เห็นการทำงานร่วมกันของคนในครอบครัวที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงที่มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นชุมชนที่มีความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ที่มักจะมานั่งคุย ถกเถียง ปรึกษาหารือกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคม นอกจากนั้นยังถือว่าเป็นการนำพืชจำพวกวัชพืชมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าทุกวันนี้ต้องมีการปลูกต้นกกขายกันแล้ว ตามความต้องการของตลาดที่มากขึ้น