นิทานปากเป็นเอก มีชายคนหนึ่งศีรษะล้านเป็นคนใจน้อยเข้าตำรา แกมีลูกสาวสวยคนหนึ่ง ตัวแกเองเป็นช่างฝีมือดี แกต่อเกวียนไว้เล่มหนึ่งสวยงามมาก นอกจากนี้แกยังมีวัวคู่หนึ่ง ลักษณะดีถูกต้องตามตำรา เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว มีผู้พยายามไปขอซื้อให้ราคาสูงเท่าใด แกก็ไม่ยอมขาย วันหนึ่งข่าวนี้รู้ถึงหูเจ้าเมืองเข้า ก็มีความอยากได้ จึงประกาศแก่ทาสทั้งหลายว่า ถ้าทาสคนใดสามารถไปเอาเกวียนและวัวจากชายศีรษะล้านมาได้ จะได้รับรางวัลและปลดปล่อยให้เป็นไท มีทาสอาสาสมัคร 3 คน เจ้าเมืองจึงให้จับฉลาก ทาสคนที่ 1 เมื่อไปถึงก็ขู่ตะคอกว่า “ไงเจ้าหัวล้าน เจ้าเมืองให้ข้ามาเอาเกวียนและวัว จะให้หรือไม่ให้” ว่าแล้วตรงไปจะแก้วัวมาเทียมเกวียน ชายศรีษะล้านจึงใช้ไม้ไล่ตี ทาสคนที่ 1 สู้ไม่ได้ต้องหนีกลับจวน จึงเป็นหน้าที่ของทาสคนที่ 2 ทาสคนที่ 2 ใช้วิธีออดอ้อนหว่านล้อมต่าง ๆ นานา ตั้งแต่บ่ายจนถึงเที่ยงคืนก็ไม่สำเร็จ ทาสคนที่ 3 ซึ่งได้ไปยังบ้านของชายศีรษะล้าน เมื่อไปถึงก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อมและกล่าวว่า “ท่านผมดกปรกไหล่ หน้าไล้เฉลิมทอง เกวียและวัวทั้งสองจะขายราคาสักเท่าไร” ชายศีรษะล้านพอใจในคำพูดของทาสคนที่ 3 มาก จึงตอบว่า “ลูกพูดถูกหู เกวียนและวัวทั้งคู่ พ่อยกให้” ส่วนลูกสาวของชายศีรษะล้านกลับมาจากตลาดสวนทางกับทาสคนที่ 3 เห็นเกวียนและวัวของพ่อก็จำได้ จึงร้องถามว่า “พ่อรูปงามไปทั้งตัว พ่อได้เกวียนและวัว มาจากไหน” ทาสคนที่ 3 ตอบว่า “แม่อกงามดังดอกบัว ตาแก่หัวล้านรูปชั่ว มันยกให้” ลูกสาวชายศีรษะล้านโกรธมาก รีบกลับไปฟ้องพ่อ ผู้พ่อโกรธจนตัวสั่น คว้าปฏักด้ามทอง รีบไปคิดว่าถ้าตามทันจะแทงด้วยปฏักให้สมแค้น ลูกสาวตกใจรีบวิ่งตามไป ฝ่ายทาสคนที่ 3 เห็นเข้าจึงหยุดรอ แล้วร้องถามว่า “พ่อผมดกปรกหลัง วิ่งละล้าละลัง มาหาลูกทำไม” ชายศีรษะล้านได้ยินคำว่า ผมดกปรกหลัง ถูกใจมาก หายโกรธทันที ร้องตอบว่า “ลูกพูดถูกต้อง ลูกลืมปฏักด้ามทอง พ่อจึงตามเอามาให้” นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็น ถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการอบรมสั่งสอนกุลบุตร กุลธิดา เรื่องการพูด ใช่เพียงพูดดีเท่านั้น ยังต้องพูดให้เหมาะสมตามกาลเทศะและบุคคลอีกด้วย