ประวัติและความสำคัญ พระป่าเลไลย์ ปางปาลิไลยก์ วัดโพธิ์รัตนาราม
ณ เมืองโกสัมพี มีพระภิกษุ ๒ ฝ่าย อยู่ในวิหารเดียวกัน คือ ฝ่ายพระวินัยธร ที่ถือเคร่งครัดทางพระวินัย และฝ่ายพระธรรมธร ที่ถือการแสดงธรรมเป็นใหญ่ แต่ละฝ่ายก็มีลูกศิษย์เป็นบริวารมากมาย มีเรื่องบาดหมาง จนเกิดการวิวาทกันด้วย เหตุอันเล็กน้อย เมื่อไม่สามารถจะระงับกันได้ พระพุทธเจ้าได้แสดงเหตุการณ์แตกแยกและคุณของความสามัคคี แต่ก็หาเชื่อต่อพระพุทธเจ้าไม่ ซ้ำยังแสดงคำพูดที่ไม่เหมาะสมว่าขอให้พระพุทธเจ้าอยู่เฉย ๆ อย่ามายุ่ง พระพุทธองค์เห็นว่าไม่สามารถ จะระงับได้จึงส่ง พระโมคคัลลานะ ไปช่วยระงับ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ทำให้พระพุทธองค์เกิดความเบื่อหน่ายระอาใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง แม้ชาวบ้านเองก็แตกเป็น ๒ ฝ่าย ตามพระที่ตนเองนับถือ ส่วนพุทธศาสนิกชนที่มีศีลก็ระอาพากันคว่ำบาตรไม่ให้การบำรุงพระสงฆ์เหล่านั้น เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ายพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จไปอยู่ ณ ป่า ได้มีช้างปาริไลยกะและลิงคอยทำการอุปัฏฐาก มีความพระเกษมสำราญในการอยู่คนเดียว จากเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์อันน่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงพฤติกรรมของพระ ๒ ฝ่าย ในขณะนั้นไม่เชื่อฟังแม้กระทั่งพระพุทธเจ้า หลังจากออกพรรษาแล้วชาวเมืองโกสัมพี จึงได้นิมนต์ให้พระอานนท์ไปอารธนาพระพุทธองค์ให้เสด็จกลับเมืองโกสัมพี ช้างปาลิไลยกะตามพระพุทธองค์ออกมาด้วย แต่พระพุทธองค์ได้ทรงห้ามไว้ พุทธศาสนิกชนจึงได้สร้างพระปางนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถึงการแตกสามัคคี การทะเลาะวิวาทกัน
คาถาสวดบูชา
กินนุ สันตะระมาโน วะ ราหุจันทัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภิโต วะ ติฏฐะสีติ สัตตะธาเม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธะ คาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ จันทิมันติฯ
กินนุ สันตะระมาโน วะ ราหุสิริยัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภิโต วะ ติฏฐะสีติ สัตตะธาเม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธะ คาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สิริยันติฯ