ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 13° 40' 57.3895"
13.6826082
ลองจิจูด (แวง) : E 101° 3' 55.867"
101.0655186
เลขที่ : 177568
เมืองฉะเชิงเทรา
เสนอโดย napaporn วันที่ 28 มกราคม 2556
อนุมัติโดย ฉะเชิงเทรา วันที่ 29 มกราคม 2556
จังหวัด : ฉะเชิงเทรา
2 2639
รายละเอียด

เมืองฉะเชิงเทรา ในอดีต เคยเป็นเมืองที่อยู่ในอำนาจของขอม แห่งอาณาจักรลพบุรี ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ของเมืองฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำบางปะกง ที่มีความกว้างใหญ่และลึก จึงอาจเป็นที่มาให้ชาวเมืองสมัยนั้น เรียกชื่อแม่น้ำนี้เป็นภาษาเขมรว่า“สตึงเตรง”หรือ“ฉทรึงเทรา”ซึ่งแปลว่าคลองลึก นั่นเอง ต่อมาเสียง“ฉทรึงเทรา”จึงเพี้ยนเป็น“ฉะเชิงเทรา”เช่นในปัจจุบัน

หากแต่มีความเห็นต่างออกไปว่า “ฉะเชิงเทรา” น่าจะมาจากชื่อเมือง“แสงเทรา”หรือ“แซงเซา”หรือ “แสงเซา” ซึ่งสมเด็จพระบรมราชาธิราช เสด็จไปตีได้ ตามที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ กล่าวไว้ เพราะการออกเสียงคล้ายกัน

เมืองฉะเชิงเทรา มีชื่อไทยว่า“เมืองแปดริ้ว”คงจะมาจากการที่เมืองฉะเชิงเทรา เป็นเมืองอุดมสมบูรณ์มีปลาช่อนตัวโต ชุกชุม เมื่อนำมาแล่ทำปลาตากแห้ง จะแล่ได้ถึงแปดริ้ว บ้างก็ว่ามาจากนิทานพื้นบ้าน เรื่อง “พระรถเมรี” ที่ยักษ์ฆ่านางสิบสอง แล้วชำแหละศพ ออกเป็นชิ้น ๆ รวมแปดริ้ว แล้วทิ้งลอยไปตามลำน้ำท่าลาด

สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างกำแพงและป้อม เพื่อป้องกันศัตรู ในปี พ.ศ. 2377 เมืองฉะเชิงเทรา ในระยะแรก จึงอยู่บริเวณริมแม่น้ำบางปะกงตั้งแต่บริเวณวัดสัมปทวน ตลาดบ้านใหม่ ตลาดบริเวณริมคลองท่าไข่ จนถึงวัดโสธรวรารามวรวิหาร เมืองฉะเชิงเทรา จึงมีความเจริญทางเศรษฐกิจตั้งแต่นั้นมา เนื่องจากเป็นพื้นที่ผลิตข้าวและน้ำตาลไปขายประเทศจีน ในขณะเดียวกันก็มีการอพยพของคนจีนเข้ามาในพื้นที่นี้มากเช่นกัน ต่อมาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2411-2453) มีการขยายอิทธิพลของประเทศตะวันตกมายังภูมิภาคอินโดจีน ทำให้ฉะเชิงเทรามีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ มีการย้ายที่ว่าการมณฑลปราจีนจากจังหวัดปราจีนบุรี มายังฉะเชิงเทรา

เมืองฉะเชิงเทรา มีอาคาร และแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม หลายแห่ง ที่สะท้อนถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในอดีต ได้แก่ ที่ว่าการมณฑลปราจีน ซึ่งต่อมาเป็นศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ศาลจังหวัด ตำหนักกรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ ที่ทำการไปรษณีย์ วัด ชุมชนที่อยู่อาศัย ฯลฯ

หมวดหมู่
อื่นๆ
สถานที่ตั้ง
เมืองฉะเชิงเทรา
ตำบล หน้าเมือง อำเภอ เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัด ฉะเชิงเทรา
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
(บุคคล/หน่วยงาน/หนังสือ/เอกสาร)
บุคคลอ้างอิง เอกสาร “SHACHOENGSAO และ ข้อมูลเอกสารแผนที่สิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม เทศบาลเมืองฉะเช
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
ถนน เรืองวุฒิ
ตำบล หน้าเมือง อำเภอ เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัด ฉะเชิงเทรา รหัสไปรษณีย์ 24000
โทรศัพท์ 038-502003
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
Attapong 27 พฤษภาคม 2556 เวลา 02:33
จากบันทึกที่ได้พบ(คือมีมากกว่าที่โพสท์)พอจะสันนิษฐานเบื้องต้น ได้ว่าเมืองแปดริ้ว อาจไม่ได้ตั้งเพื่อระดมทหารเพื่อการสงครามอย่างที่กล่าวอ้างมาในอดีต แต่เกิดขึ้นจากการรวม ตัวของผู้ค้าของป่า ทั้งหลาย จะเรียกว่าตลาดของป่าเลยก็ว่าได้ ซึ่งขณะนั้นศูนย์กลางอยู่ที่ปากน้ำเจ้าโล้ และตลอด ลำน้ำท่าลาด (มีหลักฐานชั้นต้นจาก ถ้วย ชาม ต่างๆที่ขุดได้ตอน ลอก คลองท่าลาด และที่บ้านป้าสมศรี )แต่อย่าเพื่ง เสียใจไปเลยว่าเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ของกองทัพสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์(ตามลัทธิ ชาตินิยม) อย่างที่เคยเข้าใจกัน
แต่อย่างน้อยหนังกวาง ของเราเขาก็เอาไปทำเป็นเสื้อเกราะซามูไรกันน่ะครับ (400ปี ความสัมพันธ์ไทย-เนเธอแลนด์)บางครั้งมองประวัติศาสตร์ การค้ามั่งก็ดี น่ะ ไม่ใช่แค่มองการสงครามการรบ วีรบุรุษอะไรกันอย่างเดียว แต่การได้ถูกบรรทึกต่างหาก ที่เรียกว่าประวัติศาสตร์ แต่ที่เขา เล่าต่อๆๆ กันมา ถ้าให้ดูดีหน่อยก็ ตำนาน แต่หากเล่ากันให้สนุกก็เรียกว่า นิทาน ผู้อ่านโปรดลองแยกแยะเองล่ะกันครับ



Attapong 27 พฤษภาคม 2556 เวลา 02:07
อ้างอิง Description of thekingdom of Siam 1638 หน้า 150 Van Vliet's SIAM
ถ้าหากมีผู้ใดในฉะเชิงเทรา จะสามารถแปลได้ชัดเจนกว่านี้ กรุณาช่วยแปลเพื่มด้วย อุตสาห์ลงข้อมูลมาแล้วครับ เพื่อประวัติศาสตร์ฉะเชิงเทราที่ถูกต้องและสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่เขาเล่าว่า หรือฉันฟังมาว่า แล้วเอามาสรุป ครับ



Attapong 27 พฤษภาคม 2556 เวลา 02:01
.สืบเนื่องจากวันก่อนได้ พบเอกสารโบราณที่วัดโพธิ์ บางคล้า ระบุว่าเขียนขึ้นในปี
พ.ศ.2186 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ดั่งที่รู้กัน วัดโพ-วัดแจ้ง บางคล้าเป็นศูนย์กลางของแปดริ้วมาก่อน ข้าพเจ้าจึง ได้สืบเอกที่ร่วมสมัยกัน คือ จดหมายเหตุ วัน วลิต Van Vliet's Siam ซึ่งได้บันทึกในปีพ.ศ 2181
และได้พบหัวข้อหนึ่งซึ่งมีประโยชน์มากในการสืบค้นประวัติศาสตร์ฉะเชิงเทรา
คือได้พบ เมือง Rion ในบันทึกซึ่ง...ไปตรงกับชื่อเมืองที่ระบุพิกัส ในแผนที่ ลาลูแบร์ พ.ศ. 2231 คือ perion พอที่จะอนุมานได้ว่า เมือง rion และ perion เป็นเมืองเดียวกัน
มีข้อความดังต่อไปนี้ ซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพเมืองแปดริ้วเกือบ400ปี ที่แล้วได้เป็นอย่างดีครับ
ต้นฉบับ TIMBER FOR BOATS,ETC.
Parathon and Rion are small unwalled towns, are situated on a small stream east of the river,amidst many villages and populous places.As a lot of timber is growing out there,many barges and big prauws ( to use on river and in the interior) are built there.Also some deerskins come from there .
แปล
ไม้ซุง สำหรับ เรือ และอื่นๆ
paraton และ Rion เป็นเมืองเล็กที่ไม่มีกำแพงเมือง,และได้ตั้งอยู่บนลำน้ำสายเล็ก ที่อยู่ด้านตะวันออกของแม่น้ำสายนั้น,ได้อยู่ระหว่างกลางของหมู่บ้านหลายแห่ง และสถานที่ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน. ด้วยที่นั้น มีมากด้วยป่าไม้ซุง ซึ่งกำลังรุ่งเรื่องขึ้น,เรือบรรทุก และเรือพายขนาดใหญ่ หลายลำ(ที่ใช้ทั้งในแม่น้ำ และที่ใช้เพื่อการตกแต่งภายใน) ก็ได้ถูกสร้างขึ้นในที่นั้นด้วย . และหนังกวางบ้างชนิดก็ได้นำมาจากที่นั้นด้วยเช่นกัน.



Attapong 21 เมษายน 2556 เวลา 16:42
สำหรับผู้ที่ต้องการเห็นชมรูปของพระยาวิเศษฤาไชย(ช้าง) ต้นฉบับอยู่ที่บ้านท่านนายก อบต.ท่าถ่าน หรือไม่ก็ไปถามที่ห้องสมุดฉะเชิงเทรา และที่วัดเจดีย์ และอาชีวะ ฉะเชิงเทรา ดูครับ พอดีทำรวบรวมประวัติของท่าน เอาไว้ ยังไม่สมบูรณ์100% แต่ก็พออ้างอิงได้จากหลักฐานชั้นต้น ครับ



Attapong 21 เมษายน 2556 เวลา 16:36
ส่วนเรื่องเคยอยู่ในอำนาจขอม จริงๆ เคยเป็นตั้งแต่สมัยฟูนันแล้ว ขณะนั้นบางคล้า(บางส่วน)-แปดริ้ว ปัจจุบันยังเป็นทะเลโคลนอยู่ ชายฝั่งน่าจะอยู่ถึงราชสาร (เขียนแบบเก่า)บริเวณวัดปกปาก มีหลักฐานจากเปลือกหอย ไปดูได้ มีการพบลูกปัด แก้วและหิน มากมายในพื้นที่บ้านดงน้อย ต่อเนื่อง บ้านกระทุ้มแพร้ว ที่สนามชัยเขต พบเจดีย์แบบโอคว่ำ มีคูเมือง น่าจะร่วมสมัยเมืองศรีมโหสถ และเมืองพระรถ ที่พนมสารคามพบคูเมืองคันเมือง ที่บ้านคูเมือง และที่โคกหัวข้าว นี้พอเป็นหลักฐานร่วมสมัยกับฟูนันและทวารวดีได้ และในสมัยหลังบายน หรือที่เรียกว่าลพบุรี พบแท่นปฏิมากรรม อยู่ที่วัดท่าลาดเหนือ ชาวบ้านเรียกว่า อีเม็ง ซึ่งปฏิมากรรมหายไปแล้วเหลือแต่ฐานเท่านั้น ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้หมายความว่าครั้งนั้น เมืองนี้เรียกว่าฉะเชิงเทราน่ะ อาจจะเคยถูกเรียกว่าอย่างอื่นแล้วมาเปลี่ยนเป็นฉะเชิงเทรา ในภายหลังก็ได้ครับ



Attapong 21 เมษายน 2556 เวลา 16:20
ชื่อฉะเชิงเทรา ยังไม่พบเอกสารร่วมสมัยในครั้งอยุธยา เว้นแต่ กฎหมายตราสามดวง แต่ถูกชำระมาในร.1 (ข้าพเจ้า)จึงยังไม่ปักใจเชื่อว่า มีชื่อเมืองนี้มาแล้วในสมัยนั้น เพราะว่า ร.1อาจเพิ่งเขียน ชื่อนี้ลงไปก็ได้
แต่จดหมายเหตุในสมัยพระเจ้ากรุงธน ได้เขียนไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น การทัพ หรือหมายรับ สั่งได้มีชื่อฉะเชิงเทรา ปรากฏแล้ว
แต่หากจะ อ้างพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม)หรือราชหัตถเลขา ด้วยแล้ว ยิ่งไปกับใหญ่ เพราะไม่ได้มีความ ร่วมสมัยกันเลย (แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่า บันทึกเอกสารที่ร่วมสมัย และยังสามารถบอก ถึงเรื่องนี้ได้ น่าจะถูกเก็บอยู่ที่ วัดแจ้ง บางคล้า ถ้าหากไม่ถูกเจ้าอาวาสทำลายไปเสียก่อน)



Attapong 21 เมษายน 2556 เวลา 16:04
แปดริ้ว ปรากฏ เป็นรายลักษณ์ อักษรครั้งแรก พบในแผนที่ ลาลูแบร์ petriu .. สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่พิมพ์เมื่อ แผนดินพระแพทราชา
ก่อนหน้านั้นในลุ่มน้ำบางปะกง ชื่อเมืองที่ปรากฏในแผนที่ฝรั่ง(โปรตุเกส) คือ bonca บางท่านสัณนิฐานว่า บางคล้า แต่หากลองเทียบหลักฐานทางโบราณคดี bonca จะใกล้เคียงกับ บางคาง มากกว่า (ชื่อเก่าเมือง ปราจีน)ส่วนแผนที่ฝรั่งเศษ ลาลูแบร์ เขียน banka กับ petriu
ตำแหน่งที่ตั้งคือ บางคล้า ปัจจุบัน ผู้รู้บางท่าน สัณนิฐานว่า มาจากคำว่า แป๊ะ-เลี่ยว แปลว่า เรือร้อยลำ อาจหมายถึงที่ไว้จอดเรือใหญ่ (ต้องอย่าลืมว่าเรือสำเภาสามารถ และเคยเข้าไปในบริเวณนั้น ได้ด้วย)
หากสัณนิฐานตามตำนาน ปลาช่อน จะไปตรงกับ บ้าน เจ็ดริ้ว ซึ่งไม่รู้ว่าใครลอกใคร แต่พระรถเมรี เพิ่งตอน ร.3 นี้เองไม่เกี่ยวกับ สมัยอยุธยา ครับ



Attapong 21 เมษายน 2556 เวลา 15:39
มีตำแหน่งเจ้าเมืองคือ พระวิเศษทฤาไชย ถือศักดินา 800 ไร่ เมื่อย้ายเมืองเมื่อ 2377 จึงมีการปรับเป็น พระยาวิเศษฤาไชย ถือศักดินา 3000 ไร่ (ปรากฏตามชื่อใน เอกสารร่วมสมัย)
1.พระวิเศษฤาชัย (เงิน)ได้รับการแต่งตั้งโดย พระเจ้ากรุงธน โดยรับตำแหน่งแทนพี่ชาย ที่ถูกปืนตาย ในศึกปราบเมืองพุทธไธมาศ พศ 2314 (จดหมายรายวันทัพ )
2.หลังปี 2377 เมืองฉะเชิงเทรา ถูกยกฐานะขึ้น ตำแหน่งเจ้าเมืองจึงถูกปรับขึ้น เป็นพระยา ด้วย เช่น ท่านบ้ว หรือ ท่านช้าง เป็นต้น



Attapong 21 เมษายน 2556 เวลา 15:39
มีตำแหน่งเจ้าเมืองคือ พระวิเศษทฤาไชย ถือศักดินา 800 ไร่ เมื่อย้ายเมืองเมื่อ 2377 จึงมีการปรับเป็น พระยาวิเศษฤาไชย ถือศักดินา 3000 ไร่ (ปรากฏตามชื่อใน เอกสารร่วมสมัย)
1.พระวิเศษฤาชัย (เงิน)ได้รับการแต่งตั้งโดย พระเจ้ากรุงธน โดยรับตำแหน่งแทนพี่ชาย ที่ถูกปืนตาย ในศึกปราบเมืองพุทธไธมาศ พศ 2314 (จดหมายรายวันทัพ )
2.หลังปี 2377 เมืองฉะเชิงเทรา ถูกยกฐานะขึ้น ตำแหน่งเจ้าเมืองจึงถูกปรับขึ้น เป็นพระยา ด้วย เช่น ท่านบ้ว หรือ ท่านช้าง เป็นต้น



Attapong 21 เมษายน 2556 เวลา 02:21
ส่วนเมือง แสงเซา นครพังคา บ้างท่านให้ความเห็นว่า แสงเซา คือ ฉะเชิงเทรา ส่วนพังคา คือบางคล้า (น่าจะเป็น ไมเคลวิเกอร์ ลี น่ะที่สัณนิฐานไว้) จริงๆ ยุคโน้นยังไม่มีบางคล้าครับ หากดังนั้น แสงเซา คือ ฉะเชิงเทรา นครพังคา น่าจะตรงกับ นครบางคาง หรือ เมืองปราจีน ครับ
แต่ ข้อความต่อจากนั้น(ถ้าใครเคยอ่านครบ น่ะ)กล่าวว่า มีเมืองชากังราว และเมืองเหนือ ทั่งปวง (ฉบับพระพนรัตน์ เขียน เฌ.รง.คเฌ.รานคร ไม่เข้าใจคนแปลเขาไปแปลเป็น แสงเซา ได้ไง .=พิทุ)สรุปว่า แสงเซา มันคนล่ะทิศกับฉะเชิงเทรา เลยครับ



Attapong 21 เมษายน 2556 เวลา 02:03
ขออนุญาติ เสนอนิดนึงน่ะครับ 1.สตึงเตรง เป็นชื่อในจังหวัดหนึ่งใน กัมพูชา ลาวเรียกว่า เชียงแตง 2.ฉทึง-คลอง เทรา-ลึก รวมกันเป็นคลองลึก หากลองคิดดูง่ายๆ บ้านหรือเมือง ที่อยู่กับคลองหรือแม่น้ำ ก็จะถูกเรียก ฉทิง สตึง เชียง จะทิง จะทิ้ง ก็ขึ้นอยู่กับการออกเสียงของแต่ล่ะ พื้นที่ ส่วน เทรา เซา แปลว่า ลึก พอรวมกัน จึงเป็น ฉะเชิงเทรา ดังเช่นปัจจุบัน อันนี้เป็นแนวคิดแบบดั่งเดิมก็ไม่ผิด แต่ ถ้า ฉะเชิงเทรา มาจากคำว่า ฉทิง-เทราะ ล่ะ มันจะเป็นยังไง ฉทิง-คลอง เทราะ(เซาะ)-บ้าน ถ้ารวมกันเป็น หมู่บ้านที่อยู่ในคลอง ล่ะ ก็น่าตรงเมื่อครั้งสมัยที่เมือง หรือหมู่บ้านยังตั้งอยู่ ที่ปากน้ำเจ้าโล้ นี้ไม่สรุป น่ะครับว่าทฤษฎี นี้จะเป็นจริง แค่พอเป็นไปได้เท่านั้น โดย พบเอกสารชั้น รอง จาก หนังสือกระทรวงมหาดไทย ประวัติฉะเชิงเทรา ที่กล่าวว่า "พบการเขียนในหนังสือโบราณ ว่า ฉทิงเทราะ" เป็นแค่ข้อสัณนิฐานจากภาษาเขมรเฉยๆ เช่นกันที่สรุปกันอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นแค่ข้อสัณนิฐานเหมือนกัน ใช่ใหมครับ
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่