ไพล
ไพลเป็นไม้ล้มลุกสูง ๐.๗ – ๑.๕ เมตร มีเหง้าใต้ดิน เปลือกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีเหลืองถึงเหลืองแกมเขียว แทงหน่อหรือลำต้นเทียมขึ้นเป็นกอ ซึ่งประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกัน ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมใบหอก กว้าง ๓.๕ – ๕.๕ เซนติเมตร ยาว ๑๘ – ๓๕ เซนติเมตร ดอกช่อ แทงจากเหง้าใต้ดิน กลีบดอกสีนวล ใบประดับสีม่วง ผลเป็นผลแห้งรูปกลม
ส่วนที่ใช้: เหง้าแก่จัด เก็บหลังจากต้นไพลลงหัวแล้ว
สรรพคุณ:
·เหง้า- เป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม
- แก้บิด ท้องเดิน ขับประจำเดือนสตรี ทาแก้ฟกบวม แก้ผื่นคัน
- เป็นยารักษาหืด
- เป็นยากันเล็บถอด
- ใช้ต้มน้ำอาบหลังคลอด
·น้ำคั้นจากเหง้า- รักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกบวม แพลงช้ำเมื่อย
·หัว- ช่วยขับระดู ประจำเดือนสตรี เลือดร้าย แก้มุตกิตระดูขาว แก้อาเจียน แก้ปวดฟัน
·ดอก- ขับโลหิตกระจายเลือดเสีย
·ต้น- แก้ธาตุพิการ แก้อุจาระพิการ
·ใบ- แก้ไข้ ปวดเมื่อย แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้เมื่อย
วิธีและปริมาณที่ใช้
1.แก้ท้องขึ้น ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลมใช้เหง้าแห้งบดเป็นผง รับประทานครั้งละ ๑/๒ ถึง ๑ ช้อนชา ชงน้ำร้อน ผสมเกลือเล็กน้อย ดื่มรักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำบวม
ข้อเท้าแพลงใช้หัวไพลฝนทาแก้ฟกบวม เคล็ด ขัด ยอก ใช้เหง้าไพล ประมาณ ๑ เหง้า ตำแล้วคั้นเอาน้ำทาถูนวดบริเวณที่มีอาการ หรือตำให้ละเอียด ผสมเกลือเล็กน้อยคลุกเคล้า แล้วนำมาห่อเป็นลูกประคบ อังไอน้ำให้ความร้อน ประคบบริเวณปวดเมื่อยและบวมฟกช้ำ เช้า-เย็น จนกว่าจะหาย หรือทำเป็นน้ำมันไพลไว้ใช้ก็ได้ โดยเอาไพล หนัก ๒ กิโลกรัม ทอดในน้ำมันพืชร้อนๆ ๑ กิโลกรัม ทอดจนเหลืองแล้วเอาไพลออก ใส่กานพลูผงประมาณ ๔ ช้อนชา ทอดต่อไปด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ ๑๐ นาที กรองแล้วรอจนน้ำมันอุ่นๆ ใส่การบูรลงไป ๔ ช้อนชา ใส่ภาชนะปิดฝามิดชิด รอจนเย็น จึงเขย่าการบูรให้ละลาย น้ำมันไพลนี้ใช้ทาถูนวดวันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลาปวด
2.แก้บิด ท้องเสียใช้เหง้าไพลสด ๔ – ๕ แว่น ตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำเติมเกลือครึ่งช้อนชา ใช้รับประทาน หรือฝนกับน้ำปูนใส รับประทาน
3.เป็นยารักษาหืดใช้เหง้าไพลแห้ง ๕ ส่วน พริกไทย ดีปลี อย่างละ ๒ ส่วน กานพลู พิมเสน อย่างละ ๑/๒ ส่วน บดผสมรวมกัน ใช้ผงยา ๑ ช้อนชา ชงน้ำร้อนรับประทาน หรือปั้นเป็นลูกกลอนด้วยน้ำผึ้ง ขนาดเท่าเม็ดพุทรา รับประทานครั้งละ ๒ ลูก ต้องรับประทานติดต่อกันเวลานาน จนกว่าอาการจะดีขึ้น
4.เป็นยาแก้เล็บถอดใช้เหง้าไพลสด ๑ แง่ง ขนาดเท่าหัวแม่มือ ตำให้ละเอียดผสมเกลือและการบูร อย่างละประมาณครึ่งช้อนชา แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นหนอง ควรเปลี่ยนยาวันละครั้ง
5.ช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื่น และเป็นยาช่วยสมานแผลด้วยใช้เหง้าสด ๑ แง่ง ฝานเป็นชิ้นบางๆ ใช้ต้มรวมกับสมุนไพรอื่นๆ เนื่องจากไพลมี่น้ำมันหอมระเหย