กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อตั้งอยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 2 บ้านสะง้อ ตำบลหอคำ อำเภอเมือง เมื่อไปถึงคุณสมพร แสงกองมีอายุ 60 ปี ทายาทรุ่น 2ออกมาต้อนรับอย่างดี พร้อมเริ่มบทสนทนาถึงที่มาของผ้าขาวม้าดารานาคีให้ฟังว่า ผ้าขาวม้าเป็นกิจการตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยคุณพ่อไลและคุณแม่แว่น คำพุทธาเริ่มทำตั้งแต่ปี 2542 ล้มลุกคลุกคลานกับเพื่อนจัดตั้งกลุ่ม 12 คน ผลิตผ้าขาวม้าลายตารางดั้งเดิม
กระทั่งปี 2560 คุณพ่อไลและคุณแม่แว่นวางมือ เธอกับสามี (คุณดารา แสงกองมีและลูกสาวคุณแยม-สุพัตรา แสงกองมีอายุ 23 ปี ทายาทรุ่น 3) เข้ามาสานต่อกิจการ ยกระดับและพัฒนาเป็นผ้าขาวม้าหมักโคลนธรรมชาติที่รู้จักในนาม“ผ้าขาวม้าดารานาคี”
“หลังรับมรดก แม่นำผ้าขาวม้าไปขายตามงานแสดงสินค้า มองไปทางไหนเหมือนกันหมด เลยคิดว่าต้องเปลี่ยน ต้องฉีกแนวหาเอกลักษณ์ให้ตัวเอง หาสิ่งที่ชุมชนมีซึ่งก็คือธรรมชาติ”
คุณสมพรในวัย 60 ปี เริ่มศึกษาวิชาจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านที่มีภูมิปัญญาชาวบ้านดั้งเดิมว่าสมัยก่อนใช้อะไรย้อมผ้า จากที่นำเปลือกไม้มาแช่น้ำ 7 คืนให้ออกสี กว่าจะนำไปย้อม รวมๆ แล้วเป็นเดือน ระยะเวลานี้นานพอสมควร เธอจึงหาวิธีใหม่ด้วยตัวเอง นำโคลนทุกบ่อมาทดสอบจนได้สีที่ต้องการ

ตั้งชื่อโคลนนาคีเพราะอยู่ในจุดที่เกิดบั้งไฟพญานาค โคลนบ่อนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีประวัติยาวนาน สมัยก่อนเป็นทางเดินของสัตว์ พวกวัว ควาย ช้าง กระทิง ฯลฯ ลงมากินน้ำจากแม่น้ำโขงเดินจนเป็นร่องนับพันปี
โคลนนาคีมีคุณสมบัติช่วยให้ผ้านุ่ม สีเด่นชัด ซึ่งกระบวนการหมักโคลน จะต้องย้อมสีฝ้ายก่อน ด้วยสีจากธรรมชาติ คือ หมากค้อเขียว ชมพู่มะเหมี่ยว ราชพฤกษ์ ได้สีโคลนหรือสีเทา และสีน้ำตาลอ่อนได้จากปูนกินหมาก จากนั้นจะนำไปหมักโคลนก่อนทอเป็นผืนอย่างที่เห็นนั่นเอง
“จุดแข็งของเราคือ มีอากาศที่ดี อยู่ในจุด 3 สุดคือ สุดสะดือแม่น้ำโขง อยู่เหนือสุดแดนอีสานบ้านสะง้อ และตั้งอยู่บริเวณพระพันปีที่เก่าแก่ที่สุด ย้อมที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านสะง้อที่ตั้งอยู่เหนือสุดแดนอีสาน” คุณสมพร เล่าอย่างภูมิใจ