๑. ประวัติความเป็นมา
บ้านคลองยาง หมู่ที่ 8 ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร แต่เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีต้นยางอยู่มาก บริเวณ 2 ฝั่งลำคลอง เป็นชุมชนที่มีความโดดเด่นในเรื่องของชาติพันธุ์ไทดำหรือลาวโซ่ง ซึ่งอพยพถิ่นฐานมาจากจังหวัดเพชรบุรีชนชาติพันธุ์ไทดำ เป็นชนเผ่าที่มีรกรากตั้งถิ่นฐานอยู่พื้นที่เวียดนามตอนบน การแต่งกายแบบไทดำเป็นสิ่งที่สืบทอดและเป็นเอกลักษณ์ที่คนภายนอกสามารถมองเห็นและรู้ได้ทันทีถึง ความเป็นชาติพันธุ์ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาติพันธุ์ มีการสืบทอดกันมาแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ยังคงเอกลักษณ์ และมีความต่อเนื่องไม่ขาดสาย มีรูปแบบเฉพาะตัว มีการถ่ายทอดการตัดเย็บจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานต่อเนื่อง สืบทอดกันมาเป็นระบบ และคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง
ชนชาติพันธุ์ไทดำ โดยเฉพาะผู้หญิงที่จะต้องมีความรู้ด้านการปักหน้าหมอนติดตัว เมื่อถึงเวลาออกเรือนจะต้องทำให้สามีและลูกไว้ใช้ในชีวิตประจำวันหรือใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่ผ้าที่ทอจะนำเย็บปักถักร้อย ตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มให้สมาชิกในครอบครัว หรือนำผ้าทอเหล่านั้นไปประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆ เช่น มุ้ง หมอน ที่นอน ผ้าขาวม้า ย่าม ฯลฯ การประดิษฐ์เครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ มีการตกแต่งโดยการนำผ้าสีต่างๆ มาประดิษฐ์เป็นลายดอกไม้แบบเรขาคณิต ประดับด้วยกระจกหรือเลื่อมตรงกลางของลาย สำหรับลายที่นิยมประดิษฐ์ได้แก่ ลายดอกแปด ลายดอกดาวกระจาย ลายดอกมะลิ ลายขาบัว และลายดอกฟัก เป็นต้น ลายประดิษฐ์นี้ชาวไทยทรงดำ เรียกว่า ลายผ้าหน้าหมอน เพราะนำมาใช้แต่งปิดหัวท้ายหมอน นอกจากนั้นยังนำใช้ตกแต่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เช่น เสื้อฮี กระเป๋าคาดเอวผู้ชาย การทำหน้าหมอนจะมีสีหลัก ๔ สี คือ แดงเลือดหมู สีส้ม สีเขียว และสีขาว
การปักลายหน้าหมอนนั้นใช้ความประณีตในการเย็บทับซ้อนทำดอกลายหน้าหมอน ทีละดอกๆ และนำมารวมกันทำเป็นหน้าหมอน หรือนำไปติดของใช้ต่างๆ การปักลายหน้าหมอน หรือการเย็บลายหน้าหมอน เป็นหัตถกรรมของชาวไทยทรงดำ โดยวัสดุที่ใช้จะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมแต่ละท้องที่ ลวดลายเดิม มีรูปแบบเรขาคณิต เช่น เป็นรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้ผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายสี่สี ในการจัดวางให้เกิดลายดอกลักษณะต่างๆ
๒. วัตถุประสงค์
ใช้เพื่อประดับตกแต่งเครื่องแต่งกายหรือของใช้ต่างๆ บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของชนชาติพันธุ์ไทดำ
๓. วัสดุ/อุปกรณ์
๑)ผ้าฝ้ายสี่สี(แดงเลือดหมู สีส้ม สีเขียว และสีขาว)
๒) ด้ายปัก ด้ายเย็บ
๓) เข็ม กรรไกร
๔. กระบวนการ/ขั้นตอน (ทำอย่างไร)
ขั้นตอนการปักลายหน้าหมอน ลายดอกบัว(ตัวอย่าง)
๑. นำผ้ามาตัดให้ได้ขนาด 1ตารางนิ้ว ทำเป็นผ้ารองพื้นลาย วางกระจกสี่เหลี่ยมไว้ตรงกลาง
๒. พับผ้าสีเหลืองครึ่งเซนติเมตรวางทับผ้าสีส้ม จำนวน 2ชิ้น เย็บตรึงด้วยด้ายสีเหลือง เว้นให้เห็นช่องสี่เหลี่ยมที่มีกระจกตรงกลาง
๓. พับผ้าสีเหลืองครึ่งเซนติเมตรวางทับปลายผ้าสีเหลือง จำนวน 2ชิ้น เย็บตรึงด้วยด้ายสีเหลือง
๔. นำผ้าสีขาวพับครึ่งเซนติเมตรมาวางขวางบนผ้าสีเหลืองทำทั้ง 4ด้าน เย็บตรึงด้วยด้ายสีเหลืองหรือสีขาว
๕. ตัดมุมผ้า โดยการกลับด้านให้ผ้าสีส้มอยู่ด้านบน ใช้กรรไกรตัดเฉพาะผ้าสีเหลืองและสีส้มออกทั้ง 4มุม
๖. จิมมุม พับมุมฉากด้วยผ้าสีเขียววางบนผ้าสีขาว เริ่มวางตรงมุมดอก ชิ้นที่ 2วางตรงกลาง ชิ้นที่ 3 – 8 วางเรียงกันไปจนรอบชิ้นงาน เย็บด้วยด้ายสีเขียว
๗.จิมมุม พับมุมฉากด้วยผ้าสีชมพู วางทับบนผ้าสีเขียว โดยวางเหลื่อมกันให้เห็นมุมผ้าสีเขียว วางผ้าจำนวน 8 ชิ้น เย็บตรึงด้วยด้ายสีชมพูเป็นอันเสร็จสิ้น
๕. ราคาสินค้าขึ้นอยู่กับสินค้าที่ปักลายหน้าหมอน
๖. สถานที่ตั้งขององค์ความรู้: (เช่น วัด, กลุ่มอาชีพ เป็นต้น)
ศูนย์อนุรักษ์วัฒนธรรมไทดำไผ่รอบ ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
๗. คุณค่าและบทบาทของวิถีชุมชนที่มีต่อองค์ความรู้เรื่องนี
๑)คุณค่าขององค์ความรู้ทางวัฒนธรรม
ชนชาติพันธุ์ไทดำ โดยเฉพาะผู้หญิงที่จะต้องมีความรู้ด้านการปักหน้าหมอนติดตัว เมื่อถึงเวลาออกเรือนจะต้องทำให้สามีและลูกไว้ใช้ในชีวิตประจำวันหรือใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่ผ้าที่ทอจะนำเย็บปักถักร้อย ตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มให้สมาชิกในครอบครัว หรือนำผ้าทอเหล่านั้นไปประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆ เช่น มุ้ง หมอน ที่นอน ผ้าขาวม้า ย่าม ฯลฯ การประดิษฐ์เครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้มีการตกแต่งโดยการนำผ้าสีต่างๆ มาประดิษฐ์เป็นลายดอกไม้แบบเรขาคณิต ประดับด้วยกระจกหรือเลื่อม ตรงกลางของลาย สำหรับลายที่นิยมประดิษฐ์ได้แก่ ลายดอกแปด ลายดอกดาวกระจาย ลายดอกมะลิ ลายขาบัว และลายดอกฟัก เป็นต้น ลายประดิษฐ์นี้ชาวไทยทรงดำ เรียกว่า ลายผ้าหน้าหมอน เพราะนำมาใช้แต่งปิดหัวท้ายหมอน นอกจากนั้นยังนำใช้ตกแต่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เช่น เสื้อฮี กระเป๋าคาดเอวผู้ชาย การทำหน้าหมอนจะมีสีหลัก ๔ สี คือ แดงเลือดหมู สีส้ม สีเขียว และสีขาว
๒)บทบาทของชุมชนในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ขององค์ความรู้ทางวัฒนธรรม
ชุมชนไผ่รอบ เป็นคนไทดำไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๐ มีการสวมใส่เสื้อผ้าไทดำในพิธีกรรม ต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ซึ่งการละเว้นหรือไม่สวมใส่ หมายถึงการแตกแถว ออกนอกรีต และจะถูกตำหนิจากเครือญาติ หมายถึงการไม่นับญาติ ซึ่งเป็นความรุนแรงในทางสังคมอย่างยิ่ง มีการสวมใส่ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในโรงเรียนและหน่วยงานราชการ มีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าไทดำทุกวันศุกร์ และในกิจกรรมรื่นเริงต่าง ๆ ตามประเพณี และกิจกรรมสำคัญของชุมชน แสดงให้เห็นถึงความสามัคคี เป็นกลุ่มก้อน ทำให้ผู้พบเห็นทราบได้ว่าเป็นชาติพันธุ์ไทดำไผ่รอบทันที
๘. การส่งเสริม สนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม
๑) ได้รับงบประมาณจากสำนักงาน กศน.อำเภอโพธ์ประทับช้าง ในการจัดกลุ่มเรียนรู้การปักผ้าไทดำ เพื่อสืบทอดวิธีการและภูมิปัญญาให้ความรู้ดำรงอยู่และสืบทอดต่อไป
๒)กลุ่มสตรีไผ่รอบได้รับการติดต่อจากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ให้กลุ่มสตรีไผ่รอบนำสินค้าหัตถกรรมไทดำขึ้นทะเบียนโอทอป และสนับสนุนการของบประมาณจากกรมการปกครองในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์
๓) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไผ่รอบ เทศบาลตำบลไผ่รอบ ศูนย์ส่งเสริมคุณภาพผู้สูงอายุตำบลไผ่รอบ พิพิธภัณฑ์ไทดำตำบลไผ่รอบ เป็นศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ มีการสนับสนุนให้นักเรียนในเขตตำบลไผ่รอบ ฝึกหัดทำผลิตภัณฑ์และเครื่องประดับ
๙. สถานภาพปัจจุบัน
๑)สถานะการคงอยู่ขององค์ความรู้
มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย
๒)สถานภาพปัจจุบันของการถ่ายทอดความรู้และปัจจัยคุกคาม
มีบุคคลรับการถ่ายทอดอย่างต่อเนื่อง จากรุ่น สู่รุ่น และขยายกลุ่มไปยังวัยรุ่นและเด็กวัยเรียน แต่มีข้อจำกัดเรื่องการประดิษฐ์ที่ต้องใช้ฝืมือ ไม่สามารถใช้เครื่องจักรทดแทนได้
ข้อมูลอ้างอิงบุคคล (ผู้ให้สัมภาษณ์ เช่น ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่)
ชื่อ-นามสกุล นางณิชกมล ฮิโตะ ตำแหน่ง ประชาสัมพันธ์
หน่วยงาน/องค์กร ศูนย์อนุรักษ์วัฒนธรรมไทดำไผ่รอบ
ที่อยู่หน่วยงาน/องค์กร ศูนย์อนุรักษ์วัฒนธรรมไทดำไผ่รอบ
ที่อยู่ บ้านเลขที่ ๖๒ หมู่ที่ ๘ ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร รหัสไปรษณีย์ ๖๖๑๙๐
เบอร์โทรศัพท์ ๐๘๖-๕๑๔๙๐๙๐