มีเรื่องเล่ากันมาว่า ศาลาพักร้อนแห่งหนึ่ง มีไก่รุ่นหนุ่ม ๒ ตัว ตัวหนึ่งเป็นไก่ชนเกาะอยู่บนต้นไม้ อีกตัวหนึ่งเป็นไก่ตับใหญ่เกาะอยู่ข้างล่าง แล้วไก่ชนซึ่งอยู่ข้างบนก็ขี้ใส่ไก่ตับใหญ่ จึงทำให้ไก่ตับใหญ่โกรธร้องถามไปว่า “ท่านมีดีอะไรจึงกล้ามาขี้ใส่เรา” ไก่ชนตอบว่า “เราเป็นไก่ชนไปชนที่ไหนๆ ไม่เคยแพ้ใคร แล้วท่านล่ะมีดีอะไรจึงมาทักทาย เราผู้ไม่เคยแพ้ใคร” ไก่ตับใหญ่ได้ยินอย่างนั้นก็ตอบกลับไปว่า “ถึงเราจะไม่ใช่ไก่ชนหากตัวเรานี่มีดีมากกว่าท่าน อันตัวเราหากใครได้กินเนื้อก็จะเป็นคนที่ไม่มีวันแก่เฒ่า ถ้าได้กินตับก็ให้เป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าได้กินกระดูกก็จะเป็นผู้มีคาถาอาคมอยู่ยงคงกระพัน” ไก่ทั้ง ๒ พูดโอ้อวดกัน โดยไม่รู้ว่ามีทหารของกษัตริย์แอบฟังอยู่ ทหารได้ยินก็รีบไปทูลพระราชา พระราชาทราบก็สั่งให้ทหารไปจับไก่ตับใหญ่มาต้ม เรียกมเหสีและพระโอรสธิดาไปเสวยไก่ต้มด้วยกัน โดยเลือกที่ใกล้ ๆ ชายทะเล ก่อนลงมือเสวยทั้ง ๓ พระองก็ก็ลงสรงน้ำก่อน ตั้งถาดไก่ไว้บนฝั่ง
ขณะนั้นเกิดลมพัดแรง พัดเอาถากไก่ลอยไป เนื้อไก่ตกลงทะเล ปลาโสดเห็นและได้กินจึงกลาย เป็นปลา ที่สวยงามตลอดกาล ส่วนตับกับกระดูกลอยหายไปกับลม ที่เมืองๆ หนึ่งมีศิษย์กับอาจารย์คู่หนึ่งนั่งสนทนากัน อยู่ๆ ก็มีลมพัดผ่านมาถาดตับไก่และกระดูกไก่หล่นลงตรงหน้าศิษย์ ศิษย์ก็นำมาให้อาจารย์ด้วยความสงสัย อาจารย์เป็นคนมีวิชาจึงรู้ว่าของในถาดเป็นของวิเศษจึงบอกกับศิษย์รัก เมื่อรู้ดังนั้นศิษย์ต้องการกินตับไก่ เพราะอยากเป็นพระราชา จึงพูดกับอาจารย์ว่า “อาจารย์ท่านเป็นผู้บำเพ็ญศีลมาช้านานยังไปไม่ถึงไหน ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีของท่านแล้วที่จะ เป็นผู้มีคาถาอาคอยู่ยงคงกระพัน หากท่านได้กินกระดูกไก่” ผู้เป็นอาจารย์ได้ยินศิษย์บอกอย่างนั้นก็เชื่อกินกระดูกไก่ ส่วนศิษย์เห็นดังนั้นก็ถือโอกาสกินตับไก่ และไม่ช้าก็ได้เป็นพระราชาครองเมืองส่วนอาจารย์ก็เป็นผู้มีคาถาอาคมเก่งกล้า เป็นที่เคารพแก่คนทั่วไปอยู่กันอย่างมีความสุขตลอดมา