ฝ้ายเป็นวัสดุเส้นใยธรรมชาติที่สำคัญในการทอผ้าของคนจังหวัดเลย นอกจากนี้ ยังพบว่า ในอดีต ฝ้าย คือ พืชเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดเลย มีการเพาะปลูกฝ้าย และจำหน่ายฝ้าย สร้างรายได้ให้กับครัวเรือน โดยมีการตั้งโรงหีบฝ้ายอยู่หลายแห่ง และมีงานประจำจังหวัดที่ใช้ชื่อว่า งานกาชาด ดอกฝ้ายบาน มะขามหวานเมืองเลย และเปลี่ยนเป็นงานดอกฝ้ายบาน สืบสานวัฒนธรรม ไทเลย มาจนถึงปัจจุบัน ภูมิปัญญาการย้อมฝ้าย เป็นภูมิปัญญาของคนในจังหวัดเลย ที่มีควบคู่มากับ ภูมิปัญญาการทอผ้าที่มีมาช้านาน มีทั้งการย้อมจากสีเคมี และสีธรรมชาติ เพื่อสร้างสีสันให้กับ เส้นใย ก่อนสร้างสรรค์ผ่านจินตนาการให้เป็นลวดลายที่สวยงามบนผืนผ้า โดยผ่านการค้นคว้า ลองผิดลองถูกจากธรรมชาติรอบตัวจนกลายเป็นองค์ความรู้ที่เหมาะสมกับบริบทชุมชน การย้อมสีธรรมชาติส่วนใหญ่ที่พบ เป็นการย้อมสีจากไม้พื้นถิ่น เช่น ใบสัก ใบเอ็นหม่อน ผลมะเกลือ เปลือกมะพร้าว ครั่ง คราม สะเดา และอื่นๆ
ไม้พื้นถิ่นที่ช่างทอในพื้นที่จังหวัดเลย นิยมนำมาใช้ในการย้อมสีธรรมชาติ ได้แก่
- เข ใช้แก่นไม้จากต้นเขมาย้อม ได้สีเหลืองเข้ม หรือเหลืองอ่อน ขึ้นกับอายุของต้นไม้
- ครั่ง ใช้ขี้ครั่งย้อม ได้สีแดง
- ฝาง ใช้แก่นจากไม้ฝางย้อม ได้สีแดง
- ประดู่ ใช้เนื้อติดเปลือกจากต้นประดู่ย้อม ได้สีน้ำตาล หรือสีน้ำตาลอ่อนลง ขึ้นกับอายุของต้นไม้
- ขนุน ใช้แก่นจากต้นขนุนย้อม ได้สีเหลือง หรือเหลืองอ่อน ขึ้นกับอายุของต้นไม้
- คราม ใช้เถาและใบจากต้นครามมาหมักเพื่อก่อหม้อคราม ได้สีน้ำเงินคราม สีครามเข้ม หรือครามอ่อน ขึ้นกับจำนวนครั้งของการจุ่มย้อม
- มะเกลือ ใช้ผลดิบของต้นมะเกลือทุบจนได้น้ำยางสีขาวมาใช้ย้อม ได้สีเทาหรือสีดำเข้ม ขึ้นกับจำนวนครั้งที่ย้อมซ้ำ
วัสดุสารช่วยติดสีธรรมชาติ หรือสารช่วยติดสี (Mordant) เป็นสารที่ช่วยเสริมปฏิกิริยาทางเคมีธรรมชาติให้สีย้อมสามารถเกาะติดเส้นใยได้ดีขึ้น จากการรวบรวมภูมิปัญญาเรื่องสารช่วยติดสีธรรมชาติ พบวัสดุที่นิยมนำมาใช้เป็นสารช่วยติดสีธรรมชาติ ได้แก่
- เกลือ ใช้เม็ดเกลือหรือเกล็ดเกลือ
- น้ำปูนใส ใช้น้ำใส ส่วนบนจากการกวนปูนกินหมาก
- โคลน ใช้สารที่สะสมในขี้โคลน
- น้ำสนิมเหล็ก ใช้สารจากน้ำสนิม
- สารส้ม
- ใบมะขามและน้ำมะขามเปียก ใช้ใบและฝักมะขาม
สำหรับการย้อมสีธรรมชาติในครั้งนี้ ปราชญ์ด้านการย้อมสีธรรมชาติ ได้นำครั่งมาเป็นวัตถุดิบ ในการย้อมฝ้าย ซึ่งให้โทนสีแดง โดย “ครั่ง”เป็นเพลี้ยหอยชนิด Laccifer lacca ในวงศ์ Lacciferidae ตัวเมียไม่มีปีก เมื่อเป็นตัวอ่อนระยะแรกนั้น มีขาและหนวด เคลื่อนไหวได้ เมื่อลอกคราบจึงหยุดอยู่กับที่ ดูดกินน้ำเลี้ยงจากไม้ยืนต้นและผลิตสารที่เรียกว่า ขี้ครั่ง ซึ่งนิยมใช้วิธีการย้อมร้อน
วัสดุ
- รังครั่งตำละเอียด
- กะละมัง/หม้อต้ม
- ฟืน
- สารส้มป่น
- ผ้าขาวบาง
- เส้นฝ้าย
วิธีทำ
ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ
- นำครั่งตำละเอียดมาห่อด้วยผ้าขาวบางแช่น้ำเปล่า โดยนำมาใส่ในภาชนะเติมน้ำให้ท่วม แช่ไว้ ๑ คืน หรืออย่างน้อย ๒ ชั่วโมง
- นำฝ้ายมาแช่น้ำให้ท่วม ขยำให้ทั่ว ทุบฝ้าย เสร็จแล้วบิดหมาด นำไปแช่น้ำสารส้ม (สารช่วยติดสีธรรมชาติ) บิดให้หมาด และนำมากระตุกให้ตึง ๒ - ๓ ครั้ง หรือชาวบ้านเรียก ถกฝ้าย ให้เส้นฝ้ายตึง ไม่พันกัน แล้วผึ่งรอการย้อม
ขั้นตอนการเตรียมน้ำย้อม
นำน้ำครั่งที่แช่และกรองด้วยผ้าขาวบางไว้มาผสมกับน้ำต้ม ต้มต่อไปให้เดือด โดยกรองเอาแต่น้ำสี เพื่อไปใช้ในการย้อม เส้นฝ้าย ป้องกันไม่ให้เศษครั่งติดเส้นฝ้าย
ขั้นตอนการย้อม
- นำเส้นฝ้ายที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในหม้อต้ม สังเกตดูว่าสีติดเส้นฝ้ายเข้มตามที่เราต้องการ และคอยกลับเส้นฝ้ายบ่อยๆ เพื่อให้สีซึมเรียบสม่ำเสมอและคอยยกหมุนสลับ กลับด้านให้เส้นฝ้ายโดนอากาศ (ออกซิเจน) บ้างเพื่อช่วยให้ติดสีง่ายและติดทนขึ้น สำหรับระยะเวลาในการต้มขึ้นอยู่กับว่าต้องการสีเข้มหรือสีอ่อนมากน้อย
- นำเส้นฝ้ายที่ต้ม และได้สีที่ต้องการแล้ว มาล้างน้ำเปล่าให้สะอาด จนกว่าน้ำจะใส จึงบิดหมาด แล้วผึ่งลมให้แห้ง
แนวทางการต่อยอด/การเพิ่มมูลค่า
- ส่งเสริม สนับสนุนให้นำฝ้ายย้อมสีธรรมชาติเป็นวัสดุหลักในการทอผ้า แทนการใช้เส้นด้าย หรือฝ้ายย้อมสีเคมี เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ สร้างค่านิยมการใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการอนุรักษ์ และสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สืบทอดกันมาจากอดีตให้คงอยู่ในสังคมสืบไป
- ส่งเสริม สนับสนุนการนำผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติไปต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าชุมชน เช่น ถุงย่าม กระเป๋าผ้า เสื้อผ้าสำเร็จรูป