ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 18° 30' 1.5048"
18.5004180
ลองจิจูด (แวง) : E 98° 59' 44.3486"
98.9956524
เลขที่ : 195306
พัดใบตาล ประเภทพัดใบโพธิ์ (งานช่างฝีมือตั้งเดิม)
เสนอโดย ลำพูน วันที่ 20 มกราคม 2565
อนุมัติโดย ลำพูน วันที่ 20 มกราคม 2565
จังหวัด : ลำพูน
0 389
รายละเอียด

1. ประวัติความเป็นมาและรายละเอียด

1.1 ต้นตาล

ตาล หรือ ตาลโตนด หรือ โหนด ในภาษาใต้ เป็นพันธุ์ไม้พวกปาล์มขนาดใหญ่ สกุล Borassus ในวงศ์ปาล์ม (Arecaceae) เป็นปาล์มที่แข็งแรงมากชนิดหนึ่ง และเป็นปาล์มที่แยกเพศกันอยู่คนละต้น ต้นสูงถึง 40 เมตร และโตวัดผ่ากลางประมาณ 60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำแข็งมาก แต่ไส้กลางลำต้นอ่อน บริเวณโคนต้นจะมีรากเป็นกลุ่มใหญ่ ใบเหมือนพัดขนาดใหญ่ กว้าง 1 – 1.5 เมตร มีก้านเป็นทางยาว 1 – 2 เมตร ขอบของทางของก้านทั้งสองข้าง มีหนามเหมือนฟันเลื่อยสีดำแข็ง ๆ และคมมาก โคนก้านแยกออกจากกันคล้ายคีมเหล็กโอบหุ้มลำต้นไว้ ช่อดอกเพศผู้ใหญ่ รวมกันเป็นกลุ่มคล้ายนิ้วมือ เรียกว่านิ้วตาล แต่ละนิ้วยาวประมาณ 40 เซนติเมตร และโตวัดผ่ากลางประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร โคนกลุ่มช่อจะมีก้าน ช่อรวมและมีกาบแข็ง ๆ หลายกาบหุ้มโคนก้านช่ออีกทีหนึ่ง ช่อดอกเพศเมียก็คล้าย ๆ กัน แต่นิ้วจะเป็นปุ่มปม ปุ่มปมคือดอกที่ติดนิ้วตาล ดอกหนึ่ง ๆ โตวัดผ่ากลางประมาณ 2 เซนติเมตร และมีกาบแข็ง ๆ หุ้ม แต่ละดอก กาบนี้จะเติบโตไปเป็นหัวจุกลูกตาลอีกทีหนึ่ง ผลกลมหรือรูปทรงกระบอกสั้น ๆ โตวัดผ่ากลางประมาณ 15 เซนติเมตร ผลเป็นเส้นใยแข็งเป็นมัน มักมีสีเหลืองแกมดำคล้ำเป็นมันหุ้มห่อเนื้อเยื่อสีเหลืองไว้ภายใน ผลหนึ่ง ๆ จะมีเมล็ดใหญ่แข็ง 1 – 3 เมล็ด

1.2 ใบตาล

ใบตาลและทางตาล สามารถทำเป็นพัด โดยตัดเจียน แล้วเย็บริมขอบให้เข้ารูป หรืออาจคัดเลือกใบตาลอ่อนแล้วรีดให้เรียบ นำมาจักเป็นใบ ๆ แล้วเย็บเป็นพัดใบตาลแบบพับก็ได้ ซึ่งเหมาะที่จะพกติดตัวไปได้ พัดแบบนี้อาจผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นของที่ระลึก โดยตกแต่งสีสันให้สวยงาม

นอกจากนี้ ใบตาลอ่อนยังสามารถนำมาจักสานทำเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ สำหรับแขวนให้เด็กดูเล่นได้อีกหลายชนิด เช่น ปลาตะเพียน กุ้ง ตั๊กแตน ชฎา หรือทำเป็นรูปสัตว์ ใส่ขาล้อแบบล้อเกวียนให้เด็ก ๆ ลากเล่น หรือนำมาจักเป็นเส้นตอก ถ้าใช้เส้นใหญ่มักสานขึ้นเป็นรูปกระเช้า ถ้าใช้ตอกเส้นเล็กนิยมสานเป็นกระเป๋าสตางค์

หากตัดใบตาลเป็นท่อนสั้น ๆ สามารถใช้แทนช้อนชั่วคราว เพื่อตักขนมและอาหาร โดยเฉพาะข้าวกระทงที่เคยขายดีขนรถไป นิยมใช้ช้อนใบตาลก่อนที่จะมาใช้ช้อนพลาสติกดังเช่นปัจจุบัน ส่วนใบตาลขนาดใหญ่ นิยมนำมาผ่าซีกแล้วหักงอผูกกับส่วนที่เป็นก้าน เรียกว่า “หักคอม้า” นำไปมุงหลังคา ทำปะรำ มุงกระท่อม หรือโรงนา มีอายุใช้งานประมาณ 2-3 ปี

1.3 พัด

เครื่องโบกกระพือลม มีหลายชนิดหลายแบบ แต่โดยทั่วไปที่ชาวบ้านใช้มักเป็นการสานด้วยไม้ไผ่ ใบลาน และใบตาล พัดจะมีด้ามสําหรับถือขณะพัดโบก รูปร่างและขนาดของพัดจะแตกต่างกันไปตามความนิยมของท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปจะต้องเป็นแผ่นแบนบาง มีด้ามเป็นที่ถือเสมอ ด้ามมักเสียบอยู่ตรงกลางหรือกึ่งกลางพัด นอกจากใช้พัดให้คลายร้อนแล้ว บางครั้งยังใช้ประโยชน์อย่างอื่นด้วย เช่น โบกไล่ข้าวลีบออกจากข้าวเปลือกของชาวเหนือ เรียกว่า วี

1.4 พัดใบตาล ประเภทพัดใบโพธิ์

พัดใบตาล ประเภทพัดใบโพธิ์ของบ้านใบตาล บ้านเลขที่ 75 ม.8 ต.หนองหนาม อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน สืบทอดโดยนายนิคม มณีทอง (63 ปี) นางมาลี มณีทอง น้องสาว (60 ปี) และนางเดือนเพ็ญ มณีทอง ภรรยา (50 ปี) โดยนายนิคม กล่าวว่า ตนได้สืบทอดการทำพัดใบตาลทั้ง 3 ประเภท คือ พัดโบก (ขนาด 47.5x35 ซม.) พัดใบโพธิ์ (ขนาด 25x39, 40.5x49 และ 42x53ซม.) และพัดใบกลม (ขนาด 26.5x32 ซม.) หรือวีครูบา มาจากบิดา ซึ่งเห็นว่าตั้งแต่ตนเกิดมาก็เห็นบิดาทำพัดใบตาลอยู่แล้ว โดยในสมัยที่บิดาทำพัดใบตาลขายนั้น เมื่อทำพัดใบตาลทั้ง 3 ประเภทเสร็จแล้ว ต้องนำไปเร่ขายเอง หรือไม่ก็ขายผ่านพ่อค้าแม่ค้าคนกลางที่นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าบิดาไปสืบทอดการทำพัดใบตาลทั้ง 3 ประเภทมาจากที่ใด อีกทั้งบิดาไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ให้ตนได้ทราบเลย

ต่อมาเมื่อบิดาเสียชีวิตไป นายนิคม และนางมาลี น้องสาว ได้สืบทอดการทำพัดใบตาลทั้ง 3 ประเภทต่อจากบิดา โดยในปัจจุบันมีการทำตาลปัตรใบตาล (ขนาด 37x39.5 ซม.) เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ประเภท รวมเป็น 4 ประเภท นอกจากนี้นายนิคมยังได้ถ่ายทอดความรู้การทำพัดใบตาลทั้ง 4 ประเภทให้แก่นางเดือนเพ็ญ มณีทอง ภรรยา และนางสาวอนุสรา มณีทอง บุตรสาว อีกด้วย

พัดใบตาลทั้ง 3 ประเภท ในอดีตนั้น มักทำการเย็บขอบพัดด้วยแส้ไม้ไผ่ที่ทำการจักแล้วทั้งสองด้าน หลังจากนั้นบ้างก็ทำการเย็บจิกใบตาลที่ทำจากเศษใบตาลที่เหลือจากการตัดปลายของใบตาล โดยนำมาเย็บเข้าด้วยกันเป็นรูปทรงกลม แล้วทำการเย็บจิกผ้าสีแดงไว้ตรงกลาง นำมาเย็บติดทั้งสองด้านของพัด บ้างก็เย็บแส้ไม้ไผ่ให้ขดเลยมาถึงกลางพัด บ้างก็ตัดแส้ที่เลยออกมา ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากรูปถ่ายครูบาเจ้าศรีวิชัยที่ถือพัดใบกลม ซึ่งถ่ายเมื่อสมัยที่ครูบาเจ้ายังมีชีวิตอยู่ (พ.ศ.2421 - 2482) แต่ในปัจจุบันนั้น ได้มีการเย็บขอบพัดด้วยผ้าสีโทนเย็น หรือตามแต่ผู้ซื้ออยากได้ เช่น สีเปลือกไม้ สีน้ำตาล สีแดง และสีดำ เป็นต้น นอกจากการเย็บขอบพัดด้วยผ้าสีแล้ว ยังมีผู้ซื้อนำไปทำต่อยอดด้วยการติดทองคำเปลวบริเวณใบพัด และติดโลหะดุนลายแทนที่จิกใบตาล สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์พัดใบตาลทั้ง 3 ประเภท รวมถึงตาลปัตรด้วย

2. วัสดุและอุปกรณ์ในการทำพัดใบตาล ประเภทพัดใบโพธิ์

2.1 ใบตาลแห้ง

การทำพัดใบตาล อันดับแรกนั้น ต้องมองหาต้นตาลที่มีความสูงจากพื้นถึงยอดประมาณ 4-5 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการตัดใบตาลยอดอ่อน ซึ่งมีลักษณะของใบตาลเป็นสีขาว หรือสีเขียวอ่อน มีทั้งขนาดเล็กตั้งแต่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร เมื่อได้ใบตาลขนาดตามที่ระบุแล้ว จึงทำการตัดใบตาลยอดอ่อนดั่งกล่าวลงมาจากต้น แล้วทำการตัดเอาก้านของใบตาลออก ให้เหลือเพียงส่วนขั้วก้านที่ต่อกับใบตาลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และตัดปลายแหลมของใบออก โดยเศษจากการตัดปลายแหลมของใบนั้น สามารถนำมาทำเป็นจิกพัดได้อีกด้วย

หลังจากนั้นจึงนำเอาใบตาลมาตากแดดให้แห้ง โดยมีวิธีการตากอยู่ 2 วิธี คือ 1)ตากโดยไม้หนีบ ซึ่งทำมาจากไม้ไผ่ผ่าออกเป็นสองซีกโดยไม่ให้ขาดออกจากกัน แล้วนำมาหนีบใบตาลทั้ง 4 ด้าน เพื่อเวลาที่ตากใบตาลแล้ว ใบตาลจะมีรูปทรงที่สวยงาม ไม่ขดพับเข้าหากัน แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท วิธีนี้เหมาะกับใบตาลที่ต้องการเอามาทำพัดหลังจากตากแล้ว 2)ตากใบตาลแบบไม่ทำการหนีบใบตาล โดยนำใบตาลไปตากแดดธรรมดา วิธีนี้เหมาะกับการตากแล้วเก็บใบตาลทีละมาก ๆ ไม่เร่งรีบใช้งาน หากต้องการใช้งานจึงนำมาแช่น้ำแล้วทำการหนีบไม้ตากใหม่ ทั้ง 2 วิธี หากแดดแรงใช้เวลาตากเพียง 2 ชั่วโมง ก็แห้งพร้อมใช้การได้ ภายหลังจากที่ใบตาลแห้งสนิทดีแล้ว จึงนำเอามาเก็บ โดยเก็บไว้ในที่แห้ง ไม่ชื้น ซึ่งจะทำให้ใบตาลแห้งเกิดราได้ หากตากแบบใช้ไม้หนีบให้เก็บพร้อมไม้หนีบที่ยังคงหนีบอยู่ เพื่อรักษารูปทรงไว้

2.2 แส้ไม้ไผ่ขนาดเล็ก ทั้งแบบพันด้วยด้ายฝ้ายสีแดง และแบบไม่พันด้าย หรือแบบเปลือย

2.3 ด้ามไม้ทรงกลมยาวประมาณ 50 เซนติเมตร

2.4 ด้ายฝ้ายสีแดง

2.5 ด้ายไนล่อนสีขาว

2.6 ด้ายเย็บผ้าสีเดียวกับผ้าสี

2.7 ก้อนขี้ผึ้งแข็ง

2.8 เข็มเย็บผ้า

2.9 ผ้าโทเร

2.10 ตะปูตอกไม้ขาด 1 นิ้ว

2.11 ค้อนช่างทอง หรือค้อนขนาดเล็ก

2.12 มีดพร้า

2.13 แม่พิมพ์รูปพัดใบโพธิ์

2.14 ดินสอ

2.15 กรรไกร

2.16 เครื่องเย็บกระดาษ (แม็กเย็บกระดาษ)

2.17 จิกหรือหมุดผ้าสีแดง

2.18 จิกใบตาล

จิกใบตาลนั้น ทำจากเศษปลายของใบตาลที่ตัดออกก่อนนำไปตาก โดยนำเศษปลายของใบตาลมาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลาย ๆ ชิ้น แล้วทำการเย็บซ้อนกันที่จุดศูนย์กลางด้วยด้ายไนล่อนสีขาว เย็บซ้อนเรียงกันไปจนได้เป็นรูปทรงกลม เมื่อได้รูปทรงกลมหลาย ๆ ชิ้นแล้วนั้น ให้นำเอารูปทรงกลม 2 ชิ้น มาเย็บซ้อนกันอีกครั้งหนึ่งด้วยเครื่องเย็บกระดาษ เมื่อเย็บทั้งสองชิ้นเข้าด้วยกันเสร็จแล้ว จึงทำการตัดขอบให้เป็นรูปทรงกลม แล้วทำการเย็บจิกผ้าสีแดงที่จุดศูนย์กลางด้านใดด้านหนึ่ง

3. วิธีการทำพัดใบตาล ประเภทพัดใบโพธิ์

3.1 นำแม่พิมพ์รูปพัดใบโพธิ์ตามขนาดที่เราต้องการมาทาบกับใบตาลแห้งขนาดเดียวกัน จากนั้นนำดินสอมาขีดเป็นรอยบนใบตาลแห้งตามแม่พิมพ์ ทำการตัดใบตาลแห้งตามรอยที่ขีดไว้ด้วยกรรไกร

3.2 เมื่อตัดใบตาลแห้งได้รูปทรงที่ต้องการแล้ว จึงนำเอาแส้ไม้ไผ่ จำนวน 4 เส้น ในขั้นตอนนี้ หากไม่ทำการเย็บผ้าสีหุ้มขอบพัดใบตาล ให้ใช้แส้ไม้ไผ่ที่พันด้วยด้ายฝ้ายสีแดง แต่หากจะทำการเย็บผ้าสีหุ้มขอบพัด ต้องใช้แส้ไม้ไผ่เปลือยมาทำการเย็บของพัดใบตาล โดยแบ่งแส้ไม้ไผ่ออกด้านละ 2 เส้น แล้วทำการเย็บทั้งสองด้านด้วยด้ายไนล่อนสีขาว ที่ทำการรูดขี้ผึ้งเข็ง เพื่อเพิ่มความเหนี่ยวให้แก่ด้าย โดยเย็บจนสุดปลายพัดอีกด้านหนึ่ง ซึ่งการเย็บนั้น เย็บไม่ถี่มากเหมือนดังเย็บผ้า แต่ให้แน่ใจว่าเย็บแน่นพอที่แส้ไม่ไผ่ทั้งสองด้านจะไม่หลุดออกมา ในขั้นตอนนี้หากใช้แสไม้ไผ่แบบพันด้ายฝ้ายแดง กล่าวคือ ไม่หุ้มผ้าสีขอบพัดแล้ว มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ 1) เมื่อเย็บแส้ไม้ไผ่ทั้งสองด้านจนสุดปลายพัดอีกด้านหนึ่งแล้ว ทำการตัดไม้ที่เหลือออก แล้วทำการเย็บจิก 2) เมื่อเย็บแส้ไม้ไผ่ทั้งสองด้านจนสุดปลายพัดอีกด้านหนึ่งแล้ว ทำการขดแส้ไม้ไผ่ที่เหลือมาตรงกลางพัด แล้วทำการเย็บทั้งสองด้านเหมือนตอนเย็บขอบพัด

3.3 เมื่อทำการเย็บแส้ไม้ไผ่ทั้งสองด้านเข้าด้วยกันแล้ว หากต้องการเย็บผ้าสีหุ้มขอบพัดใบตาลอีกชั้นหนึ่ง ให้นำเอาผ้าโทเรสีที่ต้องการมาตัดให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน กว้างประมาณ 5 เซนติเมตร ความยาวพอ ๆ กับขนาดเส้นรอบวงของพัด จากนั้นนำขอบด้านใดด้านหนึ่งของผ้า มาวางไว้ด้านในตัวพัด แล้วทำการเย็บผ้าเรื่อยไปจนสุด หลังจากนั้นจึงทำการทบผ้ามาอีกด้านหนึ่งของพัด แล้วทำการเย็บเรื่อยไปจนสุดเช่นกัน วิธีนี้จะทำให้ได้ขอบผ้าที่ดูพอง และซ้อนตะเข็บด้ายได้ดีกว่าการเย็บแบบทบพร้อมกันทีเดียวทั้งสองด้าน

3.4 หลักจากทำการเย็บขอบพัดใบตาลเสร็จแล้ว นำเอาด้ามไม้ทรงกลมยาวประมาณ
50 เซนติเมตร แล้วทำการตอกตะปูที่ขั้วก้านของพัดเข้ากับด้ามพัด โดยพัดใบโพธิ์จะทำใบพัดหันขึ้นด้านบนไม่ดัดซ้ายขวาเหมือนพัดชนิดอื่น

3.5 จากนั้นนำจิกใบตาล 2 ชิ้น มาเย็บปิดบริเวณรอยต่อระหว่างใบพัดกับด้าม โดยนำจิกใบตาลไปเย็บในจุดดังกล่าวทีละด้าน ทั้งสองด้าน เพื่อปิดรอยต่อที่ทำการตอกตะปูเข้าไป เป็นอันเสร็จกระบวนการทำพัดใบตาล ประเภทพัดใบโพธิ์

สถานที่ตั้ง
บ้านใบตาล
เลขที่ 75 หมู่ที่/หมู่บ้าน 8 ซอย - ถนน -
ตำบล หนองหนาม อำเภอ เมืองลำพูน จังหวัด ลำพูน
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน
อีเมล์ culturelamphun@gmail.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน
เลขที่ 33 หมู่ที่/หมู่บ้าน 1 ซอย - ถนน หน้าวัดพระยืน
อำเภอ เมืองลำพูน จังหวัด ลำพูน รหัสไปรษณีย์ 51000
โทรศัพท์ 0 5351 0243 โทรสาร 0 5351 0244
เว็บไซต์ https://www.m-culture.go.th/lamphun/main.php?filename=index
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่