การทำปราสาทผึ้งงานบุญแจกข้าว
ประเพณีไทย บุญแจกข้าว
ชาวอีสานมีความเชื่อว่าดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว หากไม่ได้รับการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้แล้ว ดวงวิญญาณนั้นก็จะมีแต่ความอดอยากทนทุกข์ทรมานและไม่ได้ไปผุดไปเกิด ด้วยความเชื่อดังกล่าวนี้จึงทำให้มีการจัดงานหรือการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ที่เสียชีวิต หรือเรียกว่า การทำบุญแจกข้าว
การทำบุญแจกข้าวเป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องที่ได้ล่วงลับไป ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายพี่ป้าน้าอา ซึ่งผู้เสียชีวิตเหล่านั้นได้เสียชีวิตไปได้ไม่นานมากนัก ประมาณ 1-3ปี
โดยการทำบุญแจกข้าวนี้ ต้องมีการระบุไปว่ามีความต้องการจะทำบุญแจกข้าวให้ใคร โดยจะมีการจัดงานกันใหญ่พอสมควรโดยมีการบอกกล่าวเพื่อนบ้านใกล้เคียงและ ภายในหมู่บ้านหรือต่างหมู่บ้าน และมีการบอกกล่าวไปถึงญาติพี่น้องที่อยู่ห่างไกลให้มาร่วมงานนี้ด้วย
งานทำบุญแจกข้าวนี้นิยมทำกันในเดือนสี่ จะเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ได้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวอีสานว่างเว้นจากการทำไร่ไถนาจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการทำกิจกรรมนี้ การทำบุญแจกข้าวเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากสำหรับชาวอีสานเพราะชาวอีสานมีความเชื่อว่าทุกคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ต้องได้กินข้าวแจก หากคนใดที่เสียชีวิตไปแล้วแล้วไม่ได้ทำบุญแจกข้าวไปให้บุคคลนั้นจะได้รับความอดอยากไม่ได้ไปผุดไปเกิด จะยังคงวนเวียนเพื่อรอรับข้าวแจกจากญาติพี่น้องต่อไป
ชนชาวอีสานถือเรื่องความกตัญญูต่อญาติพี่น้องและผู้มีพระคุณ การจัดงานทำบุญแจกข้าวจึงเป็นการแสดงความกตัญญูต่อผู้ที่เสียชีวิตไป เพื่อให้ดวงวิญญาณของคนเหล่านั้นได้รับบุญกุศลและไปเกิดใหม่ไม่ต้องวนเวียนเพื่อรอรับส่วนบุญอีกต่อไป
พิธีการ
เวลาคุณยายไปทำบุญจะมีหลานสาวตัวน้อยติดตามด้วยทุกครั้ง มีคนสงสัยเคยถามว่า ทำไมเอาหลานไปด้วย คุณยายก็จะตอบว่า ต้องการให้หลานได้ซึมซับงานประเพณีต่าง ๆ หรือเรียกง่าย ๆ ไปศึกษาเรียนรู้นอกสถานที่จากของจริงนั่นเอง คราวนี้เพื่อนบ้านทำบุญแจกข้าว คุณยายเล่าให้หลานฟังว่า เมื่อบ้านใครมีงานบุญ ก็จะเชิญคนในหมู่บ้านไปร่วมงานทุกครัวเรือน ซึ่งถือเป็นประเพณีสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
1. บุญแจกข้าวเป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเป็นญาติสนิทในครอบครัวของเรา เช่น บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย เป็นต้น ปกติจะทำบุญอุทิศให้ตามความเหมาะสมของเจ้าภาพ บางทีก็ทำหลังฌาปนกิจศพเลย หรืออาจทำบุญหลังจากถึงแก่กรรมแล้วประมาณ 1-3 ปี หรือมากกว่านั้นเชื่อกันว่าหากบุคคลใดเมื่อตายไปแล้วไม่มีใครทำบุญแจกข้าวให้ บุคคลนั้นจะต้องได้รับความอดอยากและไม่ไปผุดไปเกิด วิญญาณจะคงวนเวียนคอยหาข้าวแจกอยู่นั่นเอง บางครอบครัวถ้ามีผู้ถึงแก่กรรมมากกว่าหนึ่งก็จะทำบุญรวมกันเลย มีลูกหลานอุปสมบทอุทิศส่วนบุญกุศลในคราวเดียวกัน
2. เมื่อกำหนดงานบุญแล้ว มีการบอกญาติพี่น้องทุกคนและผู้ที่รักใคร่นับถือในหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อจะได้มาร่วมทำบุญโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนวันงานมีการกางเต็นท์หลายหลังไว้รับรองแขกที่มาร่วมงาน และจัดเตรียมของที่สำหรับทำบุญ เพื่อนบ้านก็มาช่วยห่อข้าวต้มมัด เพื่อไว้เลี้ยงแขกในวันงาน ส่วนกองบุญชาวบ้านจะเอาหมอนและข้าวสารมาร่วมทำบุญด้วยหลังเสร็จงาน ข้าวของทั้งหมดจะเอาไปถวายวัด เราจะจัดเตรียมข้าวของให้ครบ เหมือนขึ้นบ้านใหม่เชื่อว่า ข้าวของพวกนี้จะให้ผู้ตายเอาไปใช้บนสวรรค์
3. พอถึงวันงาน ตอนเช้าจะมีการเลี้ยงญาติพี่น้องที่ได้รับเชิญจนอิ่มหนำสำราญ แต่บางคนติดภารกิจก็จะมาช่วยแบบถือถุงกลับไปกินที่บ้าน ทางเจ้าภาพก็เตรียมอาหารใส่ไว้เป็นชุด ๆ ในการทำบุญแจกข้าวจะแตกต่างจากงานอื่นคือ ถึงแม้ว่าแขกที่มาช่วยงานจะนั่งกินที่งานแล้ว เวลากลับบ้านทางเจ้าภาพก็จัดอาหารเป็นชุด ๆ ไว้ให้ห่อใส่ถุงกลับบ้านอีกด้วย หลังถวายอาหารเพลพระภิกษุแล้วก็นิมนต์พระนักเทศน์ มาเทศนาสั่งสอนญาติโยมที่มาร่วมงาน และเมื่อฟังเทศน์เสร็จก็จะเลี้ยงอาหารกลางวันด้วย
4. ตอนเย็นมีการฟังพระสวดมนต์เย็นอีกครั้งหนึ่ง และเลี้ยงอาหารเย็นผู้มาร่วมงาน จากนั้นเป็นการแสดงของมหรสพสมโภชตลอดคืน ซึ่งเจ้าภาพได้ว่าจ้างมาแสดง เช่น หมอลำ เป็นต้น ผู้ชมต่างสนุกสนาน ดีนะคืนนี้ไม่มีวัยรุ่นตีกัน เพราะมีหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้มแข็ง
5. ตอนเช้าถวายภัตตาหารและเครื่องไทยทานแต่พระภิกษุสงฆ์ โดยนิมนต์มาที่บ้านของเจ้าภาพ มีพิธีถวายผ้าบังสุกุลเสร็จแล้วรับพรจากพระ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ของที่เป็นกองบุญทั้งหมดก็นำไปถวายวัด และเลี้ยงอาหารแก่ผู้มาร่วมงานอีกครั้งหนึ่งเป็นเสร็จพิธี งานนี้อิ่มบุญกันทุกคน จบงานนี้หลานของคุณยายได้เรียนรู้หลายอย่าง และรู้จักช่วยงานด้วยนะ เช่น ช่วยเช็ดโต๊ะ เช็ดใบตอง อะไรพอทำได้ก็จะรีบช่วยโดยไม่มีใครบอก การได้เรียนรู้จากแหล่งปฏิบัติจริงจะทำให้จดจำได้ไม่ลืมเลือน และเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้ลูกหลานด้วย