รำตงเป็นการแสดงพื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยงที่ผสมผสานทั้งการร้อง การรำ และการทำจังหวะ พร้อมกับการแสดงอารมณ์และความรู้สึกออกมาอย่างอิสระ ผู้แสดงจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ โดยทั่วไปนิยมใช้ผู้แสดงหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานจำนวน 12 - 16 คน หรืออาจมากกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่แสดง ซึ่งอาจเป็นเวทีในร่มหรือสนามหญ้า ตั้งแถวเป็นแถวลึกประมาณ 5-6 แถว ยืนห่างกันประมาณ 1 ช่วงแขนส่วนการแต่งกายนั้นแยกตามลักษณะของหญิงและชาย โดยผู้หญิงจะสวมชุดเสื้อกระโปรงสีขาวยาวกรอมเท้า หรือที่ภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า “ไช่กู่กี๋” เป็นเครื่องแต่งกายประจำชนเผ่าของหญิงสาวชาวกะเหรี่ยง โดยอาจทอเป็นลวดลายสีแดงในแนวตั้ง หรือทอยกดอกเป็นตาราง มีพู่ห้อยเป็นระยะ คอแหลม คาดเข็มขัดเงินที่เอว สำหรับผู้ชายก็ใส่ชุดประจำเผ่าเป็นเสื้อสีแดง นุ่งโสร่ง เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง ได้แก่ กลองสองหน้า ระนาด ฆ้องวง พิณหรือปี่ ฉิ่ง ตง (ไม้ไผ่ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร เซาะเป็นร่องใช้ไม้ตีให้จังหวะ) ในด้านของท่ารำเป็นท่าที่เรียบง่ายเพื่อต้องการความพร้อมเพรียง คล้ายกับฟ้อนพม่าเอกลักษณ์อยู่ที่การย่ำเท้าด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอตลอดทั้งเพลง”
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการแสดง คือ ผ้าเช็ดหน้าที่ผูกกับนิ้วกลางข้างขวา ทั้งนี้เพื่อเสริมให้เห็นความพร้อมเพรียงในการรำมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในท่าที่ต้องเคลื่อนไหวด้วยการใช้อุปกรณ์ในมือ หรือเมื่อมีการสะบัดข้อมือในส่วนของบทเพลงร้องประกอบการแสดง เนื้อหาในการแสดงส่วนใหญ่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อและความศรัทธาเฉพาะกลุ่มชน รำตงจึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงเป็นอย่างมาก แต่ไม่นิยมจัดแสดงบ่อยครั้งนัก จะแสดงในงานที่สำคัญ ๆ ได้แก่ งานสงกรานต์ งานศพ ประเพณีทำบุญข้าวเปลือกใหม่ ซึ่งประเพณีดังกล่าวมีพิธีกรรมทำบุญรับขวัญข้าวใหม่และขอบคุณพระแม่โพสพ
“รำตงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องถวายสักการะเพื่อความเป็น สิริมงคล โดยรำตงที่นำมาจัดแสดงถวายนี้มักมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหลักธรรมคำสอนในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดจนคติ ความเชื่อต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นการอบรมสั่งสอนลูกหลานชาวกะเหรี่ยง”
สำหรับการรำตงของบ้านปรังกาสีมีปราชญ์ชุมชนเล่าว่า เคยมีการแสดงรำตง ณ หาดทรายปรังกาสี ถวายพระองค์เจ้าอรประพันธ์รำไพ และพระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จประพาสป่าทองผาภูมิ หลังจากได้ทอดพระเนตรการแสดงรำตง จากหญิงสาวชาวกะเหรี่ยงบ้านปรังกาสีแล้ว ก็เป็นที่พอพระทัยเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันศูนย์วิจัยชุมชนตำบลท่าขนุน ได้มีการฟื้นฟูรำตง โดยเชิญครูสอนรำตงชาวกะเหรี่ยงชื่อ มะมิ มาถ่ายทอดให้นักเรียนโรงเรียนวัดปรังกาสี ได้เรียนรู้การนำวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมาเป็นท่ารำ เช่น การทำข้าวไร่ การตำทองโยะ การฟาดข้าว การฝัดข้าว การตำข้าว การเลี้ยงสัตว์ และความรักสามัคคีในหมู่คณะ เป็นต้น นิยมแสดงในงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานปีใหม่ ลอยกระทง ผูกข้อมือกะเหรี่ยง สารทกะเหรี่ยง ฉลองพระเจดีย์องค์ชาย หรือในโอกาสที่มีแขกผู้ใหญ่มาเยือน เป็นต้น
การแสดงรำตง ใช้ผู้แสดงได้ทั้งชาย-หญิง ตั้งแต่ ๑0 - 20 คน หรืออาจมากกว่านั้นก็ได้ โดยอาจแบ่งครึ่ง ชาย - หญิง จำนวนเท่า ๆ กัน
อุปกรณ์
- กลอง ๒ หน้า (โป้ง) จำนวน ๑ ใบ
- ปี่ (คะ – น่วย) จำนวน ๑ เลา
- ฉิ่ง (จี) จำนวน ๑ คู่
- ไม้เคาะ (วะ – และ – เคาะ) จำนวน ๑ คู่
- พิณกะเหรี่ยง (ถ้ามี)