อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์เป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อยทางทิศเหนือใน เขตตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี แวดล้อมด้วยทิวเขาเป็นแนวยาวอยู่โดยรอบ ลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลง กว้างประมาณ ๘๐๐ เมตร หมายถึงส่วนกว้างของเมือง ยาวประมาณ ๘๕๐ เมตร และกำแพงสูง ๗ เมตร มีประตูเข้าออก ๔ ด้าน มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ภายในเมืองมีสระน้ำ ๖ สระ
ปราสาทเมืองสิงห์ มีจุดมุ่งหมายสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน โดยกรมศิลปากรบูรณะตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๘ และมีการบุกเบิกอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ แล้วเสร็จเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงสวยงามดังที่เห็นอยู่ในวันนี้ ปราสาทเมืองสิงห์นี้กล่าวว่าสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรมคล้ายคลึงกับของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๐ - ๑๗๘๐) กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งขอมจากการขุดแต่งของกรมศิลปากร พบศิลปกรรมที่สำคัญยิ่งคือพระพุทธรูปนาคปรกพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตา และยังพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา
ปัจจุบันกรมศิลปากรได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครแล้ว คงเหลือแต่องค์จำลองไว้ จากศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์เมืองพระนครประเทศกัมพูชา ซึ่งจารึกโดยพระวีรกุมารพระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ จารึกชื่อเมือง ๒๓ เมือง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงสร้างไว้ มีเมืองชื่อศรีชัยสิงห์บุรีซึ่งสันนิษฐานกันว่าคือเมืองปราสาทเมืองสิงห์นี่เอง และยังมีชื่อของเมืองละโวธยปุระ หรือละโว้หรือลพบุรีที่มีพระปรางค์สามยอดเป็นโบราณวัตถุร่วมสมัยแต่ในเรื่องดังกล่าว รองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม เห็นว่าการที่นำเอาชื่อเมืองที่คล้ายคลึงกันในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ไปเปรียบเทียบกับบรรดาเมืองในเส้นทางคมนาคมในจารึกปราสาทพระขรรค์อย่างง่ายๆ โดยไม่คำนึงถึงหลักภูมิศาสตร์เท่ากับเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างมักง่ายเพราะบรรดาปราสาทขอม ที่เรียกว่าอโรคยาศาลนั้น มักพบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพบบ้างในบางส่วนของจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งปัจจุบันได้แยกเป็นจังหวัดสระแก้ว และมีรูปแบบแตกต่างจากปราสาทขอมที่พบในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างสิ้นเชิง ตรงข้ามกับบรรดาปราสาทขอม ที่พบบนเส้นทางคมนาคมจากละโว้ ถึงเพชรบุรีและปราสาทเมืองสิงห์ แต่ละแห่งก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่รูปเคารพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตา ที่บ่งชี้ว่าน่าจะแพร่หลาย มาจากเมืองละโว้ และพระโพธิสัตว์บางองค์นำมาจากเมืองพระนคร แต่หลักฐานทั้งหมดก็มิได้ปฏิเสธ ความสัมพันธ์ทั้งสังคม และวัฒนธรรมระหว่างละโว้กับเมืองพระนครในกัมพูชาในสมัยรัชกาลที่ ๑
เมืองสิงห์เป็นเมืองหน้าด่าน รัชกาลที่ ๔ โปรดให้เจ้าเมืองสิงห์เป็นพระสมิงสิงห์บุรินทร์ แต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นมณฑล เทศาภิบาลจึงยุบเมือง สิงห์เหลือแค่ตำบล