ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 20° 14' 42.0832"
20.2450231
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 6' 35.4175"
100.1098382
เลขที่ : 197140
ไท ยวน เชียงแสน
เสนอโดย เชียงราย วันที่ 27 กรกฎาคม 2565
อนุมัติโดย เชียงราย วันที่ 27 กรกฎาคม 2565
จังหวัด : เชียงราย
0 832
รายละเอียด

ชาวไทยวนเชียงแสน ซึ่งเป็นลูกหลานที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวไทยวนเชียงแสน ในอดีตมีความรุ่งเรืองในด้านการปกครอง สถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และหัตถกรรม ฯลฯ มีประวัติในด้านการปกครองมาอย่างยาวนาน มีเมืองหลวงปกครองตนเองที่สืบต่อกันมาตั้งแต่อาณาจักโยนกเชียงแสน ในตำนานระบุว่า พระเจ้าสิงหนวัติ ปฐมกษัตริย์ทรงสร้างเมืองหลวงขนานนามว่า “เมืองนาคพันธุ์สิงหนวัตินคร” หรือ “โยนกนคร” มีกษัตริย์ปกครองสืบต่อกันมาจนถึงรัชกาลพระมหาไชยชนะ กษัตริย์องค์ที่ ๔๖ เมืองโยนกนาคนครก็ล่มจม เป็นหนองน้ำ เหตุเพราะชาวบ้านได้จับปลาไหลเผือก แล้วนำไปแจกจ่ายกินกันทั่วเมือง จึงเกิดอาเพศวิบัติ เมืองโยนกจึงเป็นอันสิ้นสุดลง และได้แต่งตั้งขุนคลังเป็นผู้ใหญ่บ้านปกครองแทนราชวงศ์ และสร้างเมืองใหม่ขึ้นชื่อ “เวียงปรึกษา” ที่ติดริมฝั่งแม่น้ำโขง (บ้านเชียงแสนน้อย) มีผู้ปกครองสืบต่อกันมาได้ ๑๕ คน จึงได้สิ้นสุดการปกครองเวียงปรึกษาลง

ต่อมาถึงสมัยราชวงศ์หิรัญเงินยาง มีลาวจักรราชเป็นปฐมกษัตริย์ ปกครองสืบต่อกันมาอีกถึง ๒๔ พระองค์ องค์สุดท้ายคือราชวงศ์หิรัญเงินยาง ชื่อลาวเป็ง พระองค์มีโอรสทรงพลานุภาพ ทรงพระนามว่า พญามังราย ประสูติเมื่อปีพุทธศักราช ๑๘๓๙ ทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ นามว่า นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ส่วนเมืองเชียงราย ให้ขุนครามโอรสปกครอง นับเป็นจุดเริ่มต้นของเมืองเชียงราย ดังนั้นเชียงแสนจึงลดบทบาทลง

ในปีพ.ศ. ๑๘๗๑ พญาแสนภู ซึ่งเป็นโอรสของขุนคราม ซึ่งเป็นหลานของพญามังราย ได้มาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณเมืองเก่าริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเคยเป็นเมืองโยนกมาก่อน ได้ทำพิธีฝังหลักเมือง เมื่อวันศุกร์ เดือน ๕ (เดือน ๗ เหนือ) ขึ้น ๒ ค่ำ ปีมะโรง มีกษัตริย์ปกครองที่เป็นลูกหลานปกครองมาจนถึง พ.ศ. ๒๑๐๒ พระเจ้า หงสาวดี บุเรงนอง ยกทัพมาตีเมืองในล้านนา เมืองเชียงแสนได้ตกเป็นของพม่าตั้งแต่นั้นมา พม่ากับกรุงศรีอยุธยาเกิดสู้รบกัน เชียงใหม่ก็รบกับพม่าบ้าง ไทยบ้าง เชียงแสนก็ตกเป็นของพม่าบ้าง อยุธยาบ้าง ล้านช้างบ้าง เชียงใหม่บ้าง ในที่สุดก็โดนปกครองโดยพม่า เชียงแสนกลายเป็นสมรภูมิที่พม่ายึดเป็นเมืองประเทศรบกับไทยเรื่อยมาเป็นระยะเวลา ๒๐๐ ปี

ในปี พ.ศ. ๒๓๔๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ให้กรมหลวงเทพบริรักษ์กับพญายมราช ยกกองทัพร่วมกับเมืองหลวงพระบาง พร้อมด้วยกองทัพจากหัวเมือง ได้แก่ น่าน ลำปาง เชียงใหม่ แพร่ ขึ้นมาขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงแสน และเผาเมืองทิ้งเสีย กวาดต้อนผู้คนประมาณ ๒๒,๐๐๐ ครอบครัว จัดแบ่งเป็น ๕ ส่วน ให้ไปตั้งถิ่นฐานในเมืองนั้น ๆ ไทยวนเชียงแสนจึงได้เดินทางออกจากเมืองเชียงแสน ดังนั้น เชียงแสนจึงกลายเป็นเมืองร้าง

ครอบครัวที่มากับกองทัพหลวงลงมาจากกรุงเทพฯ ผ่านเมืองสระบุรี ส่วนหนึ่งขอตั้งถิ่นฐานที่ ลุ่มแม่น้ำป่าสัก ปัจจุบันคือ อำเภอเสาไห้ ส่วนที่เหลือมาพักที่กรุงเทพฯ และได้โปรดเกล้าฯ ให้ไปตั้งถิ่นฐานที่เมืองราชบุรี ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ปัจจุบันเรียกว่า บ้านไร่นที ตามกองทัพไปเมืองเชียงใหม่บ้าง ที่แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สีคิ้ว ตลอดจนถึงหลวงพระบาง

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองเชียงแสน ทัพพม่า ลื้อ เขิน ที่มาจากเชียงตุง ชาวป่า ชาวดอย เข้ามาตั้งรกรากในเมืองเชียงแสนอย่างเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับอำนาจการปกครองของไทย พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าอินทรไชยานน เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่นำกำลังมา ขับไล่ (กำลังคน ๔,๕๐๐) เพื่อผลักดันให้คนเหล่านั้นออกไปจากเมืองเชียงแสน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๗

ต่อมาได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าอินต๊ะ บุตรเจ้าบุญมาผู้เป็นหลานของเจ้าอินทรไชยานน ซึ่งครองเมืองลำพูนอยู่ และให้เจ้ากาวะละผู้ครองเชียงใหม่ นำราษฎรที่ถูกกวาดต้อนไปเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๑ ขึ้นไปตั้ง ถิ่นฐานประมาณ ๑,๕๐๐ ครอบครัว ในเมืองเชียงแสน และพระราชทานบรรดาศักดิ์เจ้าอินต๊ะ เป็นพระยาเดชดำรง ตำแหน่งเจ้าเมืองเชียงแสน

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ ย้ายศูนย์กลางการปกครองไปที่ตำบลกาสา (อำเภอแม่จันในปัจจุบัน) เมือง เชียงแสนยุบเป็นกิ่งอำเภอเชียงแสนหลวง

เมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๐ เมืองเชียงแสนได้ถูกตั้งให้เป็นอำเภออีกครั้ง จึงเรียกได้ว่า อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นับแต่นั้นมา

ต่อมา กลุ่มคนไทยยวนที่อพยพไปในสมัยสงคราม กับอีกกลุ่มที่อพยพไปก่อนเมื่อเกิดโรคระบาด เช่น ที่สบแล จ.อุตรดิตถ์ ได้รวมตัวกันรำลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนของบรรพบุรุษ เขาเหล่านั้นยังคงรักษาความเป็นเชียงแสน เช่น ไทยวน ราชบุรี ที่ยังมีวัฒนธรรม ภาษา การกิน ขนบธรรมเนียมต่างๆ การทอผ้าลายเชียงแสน กลุ่มสระบุรี ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่ติดตัวไปจากเชียงแสน

สรุปได้ว่า คนไทยยวน มีภาษาพูด ภาษาเขียน การแต่งกาย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรม เป็นอัตลักษณ์ของตนเองและแสดงถึงเผ่าพันธุ์ของตัวตนได้อย่างชัดเจน

หมวดหมู่
ชาติพันธุ์
สถานที่ตั้ง
ตำบล เวียง อำเภอ เชียงแสน จังหวัด เชียงราย
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง นางนงเยาว์ ปงลังกา
ชื่อที่ทำงาน สภาวัฒนธรรมเทศบาลเวียงเชียงแสน
เลขที่ 434 หมู่ที่/หมู่บ้าน หมู่ที่ 3 บ้านเวียงเหนือ ซอย 3 ถนน หนองมูต
ตำบล เวียง อำเภอ เชียงแสน จังหวัด เชียงราย รหัสไปรษณีย์ 57150
โทรศัพท์ 089-7570664
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่