นาชะอังมาจากภาษาเขมร ออกเสียงว่า ฉะอึง แปลว่า กระดูก เขมรเรียกพื้นนาที่มีดินแข็งไถยากว่าแสรฉะอึงออกเสียงว่า สะแรฉะอึง แปลว่า นากระดูก บริเวณดังกล่าวข้าต้นมีภูเขาลูกหนึ่งไม่สูงนักชื่อภูเขา “นางทองร่อน” เรื่องเล่าว่า นางทองร่อนเป็นสาวสวย นางเป็นลูกหัวหน้าชุมชนริมแม่น้ำท่าตะเภา (คลองท่ากระดาน) ธรรมดาสาวสวยย่อมมีชายหนุ่มติดพัน ปรากฏว่ามีหนุ่มสี่คนมาสู่ขอนางคนแกรเป็นเศรษฐีไร่นาและข้าวในยุ้งฉางเหลือคณานับ แต่คนที่สามยากจน พอทำมาหากินไปวันๆ ส่วนคนสุดท้ายยิ่งยากจนไร้ทรัพย์สิน
เพื่อทดลองความจริงใจจากหนุ่มทั้งสี่ นางทองร่อนจึงมีคำถามว่าเมื่ออยู่กินกันจนถึงแก่ความตาย ผู้เป็นสามีคือหนุ่มในสี่นี้จะทำบุญอะไรให้แก่นาง หนุ่มคนที่หนึ่งตอบว่าจะสร้างโลงทองประดับเพชรนิลจินดาให้สมค่าที่ตนรักนาง คนที่สองตอบว่าจะส่งผลบุญแก่นางอย่างสม่ำเสมอ ดังน้ำข้าวที่เขาออกมาตอนหุงเลี้ยงคนจำนวนมาก จนน้ำข้างเจิ่งนองสามารถบอยเรือสำเภาได้ คนที่สามตอบว่าเขาไร้ทรัพย์สิน แต่ถ้านางตายเขาจะตายตามนางไปด้วย คนสุดท้ายตอบว่าเขาจะนำกระดูกนางมาแขวนคอเพื่อระลึกถึงนางตลอดชีวิต
เมื่อนางตายแล้ว ขณะเผาปรากฏว่า ชายคนที่สามกระโดดเข้าไปในกองไฟ เพื่อตายตามนางดังที่ลั่นวาจาไว้ ฝ่ายคนที่สี่นำกระดูกนางมาแขวนคอและนำกระดูกไปให้ฤาษีตนหนึ่งชุบผู้ตายให้คืนชีพ ปรากฏว่าผู้คืนชีพคือนางทองร่อนและหนุ่มคนที่สามซึ่งตายไล่เลี่ยกัน ในที่สุดนางทองร่อนตัดสินใจเลือกหนุ่มคนที่สามเป็นสามี ซึ่งรักนางอย่างจริงจัง คือยอมตายตามนางดังคำมั่นสัญญา หนุ่มคนที่สี่มีโทสจริตเข้าทำนองเนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกแขวนคน เขาคิดว่าตนควรพิชิตใจนางมากกว่า หนุ่มคนที่สี่เลยระบายความไม่พอใจด้วยการทุบตีฤาษีผู้ชุบชีวิต ฤาษีตนนั้นตกใจกลัวและวิ่งหนี เลยล้มถลาลงตรงบริเวณที่เรียกว่า“เขาหราด”คำว่าหราดหมายถึง ลื่นไถลล้มลง
ที่มาข้อมูล: ชื่อบ้านนามเมืองภาคใต้ (2) ชุมพร รองศาสตราจารย์ประพนธ์ เรืองณรงค์