แกงข้าวตัง (ฟะเปิงตาว)ฟะเปิงตาว หรือแกงข้างตัง หรือก๋วยเตี๋ยวมอญ "ฟะ” แปลว่า แกง มอญเรียกอาหารคาวที่มีลักษณะเป็นน้ำว่าแกงทั้งนั้น ส่วน "เปิงตาว” คือ ข้าวที่ไหม้ติดก้นกระทะ แทนที่จะต้องขูดทิ้งเสียเปล่าก็เก็บเอามาตากแห้ง บิแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กทอดจนเม็ดข้าวพองฟูกรอบ"ฟะเปิงตาว” หรือ แกงข้าวตัง ห่างจากความเป็นแกงมาก คนไทยที่ได้เห็นจึงนิยมเรียกว่า "ก๋วยเตี๋ยวมอญ” มากกว่าเพราะมีหน้าตาส่วนประกอบคล้ายกัน ที่สำคัญเป็นการคิดค้นตำรับอาหารที่เหลือจากของที่เกือบจะต้องทิ้ง และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะชุมชนมอญปทุมธานีเท่านั้น โดยถือกำเนิดขึ้นที่ชุมชนบ้านท้ายเกาะใหญ่ อำเภอสามโคกในอดีตเมื่อชุมชนมีงานใหญ่จะต้องหุงข้าวด้วยกระทะ ซึ่งจะต้องมีข้าวติดก้นกระทะจำนวนมาก แต่เดิมอย่างมากก็เพียงตีไข่หรือน้ำตาลทรายโรยลงไป ไว้เป็นของกินเล่น เหตุที่จะพลิกแพลงทำ "ฟะเปิงตาว” นี้ว่ากันว่า เพราะได้สูตรมาจากในรั้วในวังสมัยก่อน มอญปทุมธานีมักเดินทางขึ้นล่องเรือค้าขาย โดยเฉพาะชุมชนมอญบ้านท้ายเกาะใหญ่ผู้เป็นที่มาของสำรับอาหารสูตรนี้ก่อนจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วทั้งจังหวัด ว่ากันว่า มีครอบครัวหนึ่งลงทุนค้าขายหมดทุนรอน ต้องนำเอาของมีค่าที่สะสมไว้ไปจำนำกับผู้มีฐานะกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นตระกูลเจ้าขุนมูลนาย มีรายหนึ่งเป็นข้าราชบริพารในรัชกาลที่ ๗ ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกันดี ข้าราชบริพารคนดังกล่าวจึงแนะนำสูตรอาหารพิเศษให้ นำมาทดลองทำปรับปรุงจนเป็นที่ถูกปากคนในชุมชน และเรียกกันว่า "ฟะเปิงตาว”ทั้งส่วนผสมและวิธีการปรุงผ่านการทดลองจนลงตัว ยึดถือเป็นสูตรตายตัวมาถึงทุกวันนี้ ส่วนผสมที่ว่า ได้แก่ ไก่บ้านต้มสุกฉีกชิ้นเล็ก ปลาหมึกแห้งทอดหรือย่างหั่นแว่น (หรือปลาหมึกสดลวก) ไข่เจียวหั่นฝอย ตับหมู กุ้งแห้ง ข้าวตังทอดกรอบ เต้าหู้ทอด ตั้งฉ่าย ถั่วลิสงป่น พริกไทย น้ำปลา น้ำตาล ผักชี กระเทียม หั่นบางทอดหรือกระเทียมสับเจียวน้ำมัน และกระดูกหมูหรือกระดูกไก่สำหรับต้มน้ำซุป (เพิ่มเติมจากไก่บ้านทั้งตัวต้ม)ปัจจุบันยังไม่พบว่ามีผู้ประกอบการรายใดปรุงอาหารชนิดนี้ขายที่ไหน เว้นแต่งานใหญ่ฯ เช่น งานศพพระเถระผู้ใหญ่ งานเทศกาลของหมู่บ้าน เนื่องจากต้องข้าวตัง ส่วนผสมมากชนิด และแรงคนช่วยกันเตรียมที่มีขั้นตอนยุ่งยาก ปรุงเสร็จก็ต้องกินทันที เพราะข้าวตังที่แช่น้ำนานจะเปื่อยและกินไม่อร่อย