พระพิธีธรรมในพิธีศพจังหวัดแพร่ผู้เขียน อาณัฐชัย ชุ่มเชื้อ นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ
พระพิธีธรรม เป็นตำแหน่งที่พระราชทานแก่วัด โดยเป็นคำเรียกพระสงฆ์ที่สวดพระอภิธรรมเนื่องในพระราชพิธีต่างๆ ประกอบด้วย ทำหน้าที่สวดอาฏานาฏิยสูตรในการพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ทำหน้าที่สวดจตุรเวทเพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ในหอศาสตราคม ทำหน้าที่สวดพระอภิธรรม ในการศพทั้งที่เป็นงานในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชานุเคราะห์ และพระอนุเคราะห์ และทำหน้าที่สวดภาณวารในการ พิธีมงคล (กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๖๐: ๘)
เดิมใช้คำว่า พระพิธีทำ ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า พระพิธีธรรม โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้เปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายเอาพระสงฆ์ผู้มี ความรู้ความสามารถในอันจะประกอบพิธีการได้โดยเฉพาะแตกต่างไปจากพระสงฆ์อื่นๆ ทั่วไป (เริง อรรถวิบูลย์. ๒๕๑๒: ๔๕ เล่ม ๒. อ้างถึงใน เดชา ศรีคงเมือง. ๒๕๕๘: ๙๓)
พระพิธีธรรมการสวดพระอภิธรรม เป็นพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนใช้ในการบำเพ็ญกุศลอันเกี่ยวเนื่องกับพิธีการศพ เพื่อเป็นการเสริมสร้างกุศลจิตอุทิศกัลปนาผลให้กับผู้ล่วงไปในสัมปรัยภพให้ยิ่งขึ้น ความเชื่อดังกล่าวนี้ เกิดจากการที่พระบรมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงปฏิบัติ ในคราวเสด็จไปเทศนาพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดาในสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์ โดยทั่วไปแล้วการสวดพระอภิธรรมมีการนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน ๔ รูป ๘ รูป สุดแล้วแต่ละเจ้าภาพจะจัดหามาทักษิณาทาน แต่สำหรับงานพระบรมศพ พระศพ หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มีฐานานุศักดิ์ ชั้นยศ หรืออยู่ใน หลักเกณฑ์เทียบเกียรติยศพระราชทานของสำนักพระราชวัง รวมทั้งบุคคลซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นกรณีพิเศษ จะได้รับพระราชพระสงฆ์ไปประกอบพิธีในการสวดพระอภิธรรม เรียกว่า "พระพิธีธรรม”
การสวดพระอภิธรรมนั้น จะมีเครื่องใช้ในการสวดของพระพิธีธรรม ประกอบด้วย พัดยศประจำพระพิธีธรรม ๔ รูป ตู้พระอภิธรรมตามชั้นยศของศพที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระพิธีธรรมไปสวดพระอภิธรรม พัดยศพระราชาคณะชั้นสามัญยก และ เครื่องนมัสการกระบะมุข สำหรับประธานจุดบูชาพระอภิธรรม สิ่งของเครื่องใช้นี้ตั้งแต่งเบื้องหน้าอาสงฆ์ซึ่งมีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมอยู่
โดยพัดยศ "พระราชาคณะชั้นสามัญยก” เนื่องจากในอดีตพระพิธีธรรมไม่ได้สวดเพียงอภิธรรมเท่านั้น ยังมีหน้าที่ สวดภาณวาร หรือ สวดอาฏานา ในพระราชพิธีตรุษด้วย ภายหลังยกเลิกแล้วจึงเหลือเพียงสวดอภิธรรมเท่านั้น ดังนั้นในสมัยก่อนจึงมีพระราชาคณะรูปหนึ่งไว้คอยตรวจทานบทสวด และไว้ถวายอดิเรก ต่อมาพระราชาคณะสำหรับตรวจทานบทสวดได้ยกเลิกไป คงเหลือเพียงพัดยศที่ติดอยู่หน้าตู้พระอภิธรรมนั้น (พระมหาปกรณ์ กิตฺติธโร, ๒๕๕๙: ออนไลน์)