นายสัมฤทธิ์ จันทร์เหลือง เป็นผู้มีภูมิปัญญาท้องถิ่นในด้านการทำหมอนขวานผ้าขิด โดยเริ่มทำมาในอดีต เพื่อประโยชน์ใช้สอย เริ่มทำเพื่อจำหน่ายในปี
พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยการร่วมกลุ่มแม่บ้านในบ้านศรีฐาน ซึ่งเป็นการขยายตลาด และรูปแบบที่ทำคือหมอน ๖ ลูก ใช้หนุนนอน และหมอนขวานหรือหมอนสามเหลี่ยม ในสมัยโบราณเป็นลายขิดขอ ต่อมาทำขิดลายช้าง ผีเสื้อ ม้า นก เป็นต้น โดยการคิดค้นเองจากยายซึ่งเป็นแม่ผู้ให้สัมภาษณ์ และการยัดหมอนในสมัยโบราณใช้นุ่นหมดทั้งลูก ต่อมาผู้ซื้ออยากได้ลูกแข็งเพราะหนุนแล้วจะไม่ยุบง่าย ทำให้หันมาใช้ไส้ยัดกลาง ระยะแรกใช้กาบกล้วยแต่มีปัญหา เพราะไม่แห้งเกิดหนอนไชออกจากตัวหมอน จึงเปลี่ยนเป็นใช้ตอซังข้าวมัดเป็นท่อนยัดแทนทำให้การทรงตัวดีขึ้นสวยงาม แต่ถ้าส่งต่างประเทศจะใช้นุ่นทั้งหมด ไม่มีไส้เพราะป้องกันกัญชายัดไส้หมอน ยากต่อการส่งออก นุ่นที่ใช้จะมีทั้งเก่าและใหม่ ปกติจะใช้นุ่นเก่า ส่วนนุ่นใหม่ต้องสั่งพิเศษจึงจะทำให้
การเย็บหมอน กลุ่มแม่บ้านจะสอนในระยะแรกๆ ต่อมาก็หัดเลียนแบบจากพ่อแม่ เพื่อนบ้านใกล้เคียงจะบอกต่อ ๆ กัน โดยไม่ปิดบังการเย็บใช้จักรเย็บไส้และตัวหมอน ส่วนหุ้มหน้า-หลังต้องสอยด้วยมือ ผ้าที่ใช้จะเป็นขิดฝ้าย ขนาด ๒๕ นิ้วกว้าง ๑๖ นิ้ว จะได้หมอน ๖ ลูก ๑ ใบ ผ้าที่ใช้จะเป็นขนาดผืน ๒๕ นิ้ว ๓๐ นิ้ว ปัจจุบันจะใช้ผ้าโสร่งแทนขิดด้วย
ส่วนรูปแบบจะมีหมอน ๖ ลูก หมอน ๙ ลูก หมอนขวาน เบาะรองนั่ง หมอนข้าง หมอนเล็ก หมอนลูกฟักทอง (สะม๊อก) ซึ่งหมอนขนาดเล็กใช้หนุนและทำพวงกุญแจ จะขายได้มาก เพราะประโยชน์ใช้สอยมาก เช่น หนุนนอนในรถยนต์ และร้านที่สั่งซื้อ คือแมคโครทั่วประเทศมีรูปแบบ ๔ แบบ คือ หมอนสามเหลี่ยม หมอนติดเบาะ หมอนผ้าดีไซด์ เบาะนั่งและยังส่งที่ลาดพร้าว จึงกระจายไปทั่วประเทศ อยากจดลิขสิทธิ์แต่แพงมาก คือไม่มีเงินพอเป็นล้านจึงจะจดได้ สาเหตุที่อยากจดลิขสิทธิ์ เพราะถูกเอาไปอ้างว่าเป็นของจังหวัดต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ อุดร กรุงเทพฯ เป็นต้น