เพลงกล่อมเด็กภาคอีสาน
เพลงพื้นบ้านอีสาน มีลักษณะเด่นชัดกับการขับร้องอันเป็นธรรมชาติ บ่งบอกความจริงใจ ความสนุกสนาน และความสอดคล้องกลมกลืนกับเครื่องดนตรีประจำท้องถิ่น คือ แคน แม้การขับกล่อมลูกซึ่งไม่ใช้เครื่องดนตรีใดๆ ประกอบ ก็สื่อให้ผู้ฟังรู้ทันทีว่าเป็นเพลงของภาคอีสาน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน เป็นดินแดนที่กว้างขวางและมีประชากรมากที่สุดในบรรดา 4 ภาคของไทย เพลงกล่อมลูกจึงมีหลายสำเนียง ถ้าเป็นอีสานตอนเหนือจะมีสำเนียงคล้ายลาว ถ้าเป็นอิสานตอนใต้จะมีสำเนียงคล้ายเขมร แต่เพลงกล่อมลูกที่แพร่หลายและยอมรับว่าเป็นเอกลักษณ์ของอีสานจะเป็นสำเนียงอีสานตอนเหนือ และมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า "นอนสาหล่า" หรือ "นอนสาเดอ" หรือ "นอนสาแม่เยอ" มีทำนองลีลาเรียบง่ายช้าๆ และมีกลุ่มเสียงซ้ำๆ กันทั้งเพลง การใช้ถ้อยคำมีเสียงสัมผัสคล้ายกลอนสุภาพทั่วไป และเป็นคำพื้นบ้านที่มีความหมายในเชิงสั่งสอนลูกหลานด้วยความรักความผูกพัน
ซึ่งมักจะประกอบด้วย 4 ส่วนเสมอ คือ ส่วนที่เป็นการปลอบโยนการขู่และการขอโดยมุ่งให้เด็กหลับเร็วๆ นอกจากนี้ก็จะเป็นคำที่แสดงสภาพสังคมด้านต่างๆ เช่น ความเป็นอยู่ บรรยากาศในหมู่บ้าน ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นต้น คุณค่าของเพลงกล่อมเด็กอีสาน จึงมีพร้อมทั้งทางด้านจิตใจและด้านการศึกษาของชาติ
ตัวอย่างเพลงกล่อมเด็กภาคอีสาน
1. นอนสาหล่าหลับตาแมสิก่อม แมไปไฮ หมกไข่มาหา แมไปนา หมกปามาป้อน แมเลี้ยงหม่อน ในป่าสวนมอน
2. นอนสาหล่า หลับตาแม่สิกล่อม เจ้าบ่นอนบ่ให้กินกล้วย แม่ไปห่วยไปส่อนปลาซิว เก็บผักติ้วมาใส่แกงเห็ด ไปใส่เบ็ดได้ปลาค้อใหญ่ อย่าฮ้องไห้แมวโพลงสิจกตา...
ความหมายของเพลงกล่อมเด็ก
เพลงกล่อมเด็กเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและค่านิยมของคนในท้องถิ่นต่างๆ คนทุกชาติทุกภาษาในโลกมีบทเพลงกล่อมเด็กด้วยกันทั้งนั้น สันนิษฐานว่าเพลงกล่อมเด็กมีวิวัฒนาการจากการเล่านิทานให้เด็กฟังก่อนนอน ดังนั้นเพลงกล่อมเด็กบางเพลงจึงมีลักษณะเนื้อร้องที่เป็นเรื่องเป็นราว เช่น จันทรโครพ ไชยเชษฐ์ พระรถเสน เป็นต้น การที่ต้องมีเพลงกล่อมเด็กก็เพื่อให้เด็กเกิดความเพลิดเพลิน หลับง่าย และเกิดความอบอุ่นใจ
ลักษณะของเพลงกล่อมเด็ก
ลักษณะกลอนของเพลงกล่อมเด็กจะเป็นกลอนชาวบ้านไม่มีแบบแผนแน่นอน เพียงแต่มีสัมผัสคล้องจองกันบ้าง ถ้อยคำที่ใช้ในบางครั้งอาจไม่มีความหมาย เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับธรรมชาติสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรัก ความห่วงใยของแม่ที่มีต่อลูก ทั้งยังมีการสั่งสอนและเสียดสีสังคม สามารถแยกเป็นข้อได้ดังนี้
เป็นบทร้อยกรองสั้นๆ มีคำคล้องจองต่อเนื่องกันไป มีฉันทลักษณ์ไม่แน่นอน ใช้คำง่ายๆ สั้นหรือยาวก็ได้ มีจังหวะในการร้องและทำนองที่เรียบง่าย สนุกสนาน จดจำได้ง่าย ประเภทของเนื้อเพลงกล่อมเด็ก แสดงความรักความห่วงใย กล่าวถึงสิ่งแวดล้อม เล่าเป็นนิทานและวรรณคดี เป็นการเล่าประสบการณ์ ล้อเลียนและเสียดสีสังคม ความรู้เกี่ยวกับการดูแลเด็ก เป็นคติ คำสอน
บทกล่อมลูกเพลงนี้ถ้าล่องลอยไปเข้าหูลูกอีสานทั้งหลาย น้ำตาอาจรื้นกันได้ง่ายๆ คนไกลบ้านห่างแม่ฟังเพลงแล้วก็เห็นภาพออกอาการซาบซึ้งคิดถึงแม่ขึ้นมาแทบขาดใจได้เลยทีเดียว ด้วยรูปรสกลิ่นเสียงทุกประสาทสัมผัสที่สื่อออกมาจากแม่นั้น คือสิ่งบำรุงจิตใจของลูก และไม่น่าเชื่อว่าจนลูกเติบใหญ่ไปแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็ยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ หากแต่จะด้วยกาลเวลาหรืออาจเพราะความเร่งรีบของชีวิต บทลำนำกล่อมลูกน้อยจึงถูกพรากหายไปจากวิถีชีวิตคุณแม่ยุคสมัยใหม่