มัสยิดอัลยุสรอสามัคคี ที่ตั้ง เลขที่ ๔๕หมู่ที่ ๑ตำบล ชะไวอำเภอ ไชโยจังหวัด อ่างทองรหัสไปรษณีย์ ๑๔๑๔๐ โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๗๐๑๖๕๑ อิหม่าม ชื่อ นายบุญเสริม หนูทอง อายุ ๔๐ ปี จบการศึกษาด้านศาสนาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์อิสลาม จากมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งเมืองมาดีนะฮ์ ประเทศซาอุดิอาราเบีย การศึกษาด้านสามัญ ระดับปริญญาตรี คณะศิลปะศาตร์บัณฑิต เอกการพัฒนาชุมชน จากมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา ผลงาน ๑. โล่ประเภท องค์กรดีเด่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จาก ท่าน พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ๒. โล่พร้อมเงินรางวัลหมู่บ้านสร้างสริมสุขภาพจิตอันดับหนึ่งของประเทศ จากกรมสุขภาพจิต ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ๓. ถ้วยรางวัลชมเชย(อันดับที่ ๕) ระดับประเทศ โครงการทูบีนัมเบอร์วัน ปี ๒๕๕๐ ประวัติความเป็นมา มัสยิดอัลยุสรอสามัคคี เป็นตำบลที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยประชาชนของบ้านชะไวได้รวม ออกรบช่วยเหลือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในการโจมตีกองทัพพม่า และเจ้าเชียงใหม่ที่ ยกทัพมาจนได้รับชัยชนะ และได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนเรศวรว่า “บ้านเชาว์ไว” และถูกเรียกต่อมากลายเป็น “ชะไว” ในที่สุด บ้านชะไวเป็นตำบลที่มีมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนเกือบ ๑๐๐% แต่เดิมนั้นมีมัสยิดเพียงแห่งเดียวชื่อมัสยิด “นูรุ้รเราะฮ์ฮีม” ต่อมาประชาชนที่อยู่ทางด้านแถมเหนือของบ้านชะไว เกิดความไม่สะดวกในการประกอบพิธีทางศาสนา เนื่องจากมีระยะทางที่ไกลพอสมควร จึงได้รวมตัวกันสร้างอาคารอีกหลังหนึ่งเมื่อประมาณ ๖๐ ปีที่ป่านมาที่บริเวณริมน้ำเจ้าพระยาหมู่ ๑ ตำบลชะไว ซึ่งเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวเพื่อใช้ประกอบพิธีทางศาสนาและใช้สอนการปฏิบัติศาสนกิจของศาสนาอิสลามขั้นพื้นฐานและต่อมาได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิ ชื่อว่า มูลนิธิโรงเรียนนูรุ้ลอิสลาม เป็นเวลาเกือบ ๓๐ ปี แต่เนื่องจากอาคารนั้นก่อสร้างอยู่ริมตลิ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเกรงว่าจะเกิดอันตราย เนื่องจากเป็นทางสายน้ำช่วงโค้งทำให้น้ำน้ำเซาะตลิ่งเข้ามา และยิ่งมีการอนุญาตให้มีการดูดทรายในแม่น้ำยิ่งทำให้ไม่ปลอดภัยแก่อาคารถาวร ทำให้ประชาชนมองเห็นว่าอาจจะเกิดอันตรายได้ จึงได้รวมตัวกันซื้อที่ดินอีผืนหนึ่งที่บริเวณคลองชลประทานและติดกับโรงเรียนบ้าน ชะไวไว้ในปัจจุบัน เพื่อสร้างอาคารมัสยิดถาวรเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก