ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 18° 7' 15.8376"
18.121066006199367
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 8' 29.2238"
100.14145105455327
เลขที่ : 155531
พระยาไชยบูรณ์
เสนอโดย jaturapat วันที่ 4 กันยายน 2555
อนุมัติโดย แพร่ วันที่ 5 กันยายน 2555
จังหวัด : แพร่
3 2969
รายละเอียด

วีรบุรุษ
พระยาไชยบูรณ์ (ทองอยู่ สุวรรณบาตร)

หนึ่งผู้ไม่ยอมแพ้ กล้าแกร่งแท้บ่ระย่อ ก่อวีรกรรมองอาจ ประกาศก้องแก่ไพรี" กูภักดีต่อแผ่นดิน องค์นรินทร์พระผ่านเผ้า พระพุทธเจ้าหลวงจอมผไท กูไม่คิดขายชาติ แม้มึงปรารถนา เมืองแพร่ เชิญมึงแล่เนื้อหนัง หรือฝังกูก็ยอม กูบ่ค้อมยกบ้าน กูบ่ขานยกเมือง ให้มึงเฟื่องโอหัง จงฟังคำกูไว้ โจรจัญไรสิ้นคิด ชีวิตกูยอมพลี แผ่นดินนี้กูเฝ้า มึงจะเอาอย่าปอง กูปกครองอยู่ไซร้ จงอย่าคิดอยากได้ หนึ่งแม้ตารางวา แลนา "

บัดเดี๋ยวเงี้ยวง่าเงื้อ

ดาบฟัน

ฉะฉับคอหลุดพลัน

ด่าวดิ้น

แดงฉานดั่งตะวัน

สาดส่อง พลบเฮย

เลือดหลั่งโลมดินสิ้น

ชีพม้วยวิญญาณยัง

ร่างฝังกลบอยู่ใต้

ปฐพี

นาม" พระยาไชยบูรณ์ "วี-

รบุรุษไซร้

สละชีพเพื่อศักดิ์ศรี

เทิดเกียรติ ไทยนา

เมืองแพร่จารึกไว้

หนึ่งผู้วีรชน

( วรพร บำบัด .....ประพันธ์ )

ประวัติ

พระยาไชยบูรณ์ เดิมชื่อ ทองอยู่ นามสกุล สุวรรณบาตร เป็นบุตรของพระยาศรีเทศบาล และคุณหญิงกมลจิตร เกิดที่อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๕ มีน้องชายร่วมสายโลหิต ๑ คน อายุ ๒๑ ปี รับราชการครั้งแรกเป็นเสมียนอยู่ที่อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์อายุ ๔๓ ปีได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร อยู่ได้ ๒ ปี ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการ จังหวัดที่จังหวัดพิษณุโลก และย้ายมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ใน พ.ศ.๒๔๔๐ ในขณะนั้นมีเจ้าเมืองปกครองเมืองแพร่คือ เจ้าพิริยเทพวงศ์ ทำการปกครองร่วมกันระหว่างข้าหลวงกับเจ้าเมือง ใน พ.ศ.๒๔๔๓ ได้เลื่อนยศเป็นพระยาไชยบูรณ์

พระยาไชยบูรณ์ ได้ต่อสู้กับพวกโจรเงี้ยวที่บุกเข้าปล้นเมืองแพร่ในเช้าตรู่ของวันที่ ๒๕ เดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๔๕ พวกโจรเงี้ยวมีพะกาหม่องเป็นหัวหน้าได้รวบรวมสมัครพรรคพวกที่มาจาก เชียงตุงและพวกเงี้ยวที่อาศัยอยู่ในเมืองแพร่ บุกเข้าปล้นสถานีตำรวจภูธรแย่งชิงเอาอาวุธไปแล้ว เข้าเมืองด้านประตูชัยปล้นที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข ต่อจากนั้นตรงไปยังบ้านพักของพระยา ไชยบูรณ์ใช้ปืนยิงเข้าไป พระยาไชยบูรณ์หลบหนีออกไปได้แล้วไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านร่องกาศ ได้ ส่งคนไปขอกำลังจากชาวบ้านมาช่วย แต่พวกเงี้ยวมีอาวุธครบมือมากกว่าจึงสู้ไม่ได้ ในที่สุดถูกพวก เงี้ยวจับตัวได้และไม่ยอมมอบเมืองแพร่ให้แก่พวกเงี้ยวจึงถูกพวกเงี้ยวฆ่าตายในที่สุด

ผลงาน

พระยาไชยบูรณ์นับเป็นวีรบุรุษที่เป็นตัวอย่างสมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ซื่อสัตย์สุจริต เสียสละอย่างใหญ่หลวง ยอมสละชีวิตของตนเพื่อ บ้านเมือง มีความรักชาติกล้าหาญสมกับเป็นผู้นำโดยแท้ ไม่คิดหนีเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียวสมควร ที่จะได้รับการยกย่อง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศแก่พระยาไชยบูรณ์ขึ้นเป็น พระยาราชฤทธานนท์พหลภักดี และให้สร้างอนุสาวรีย์ พระยาไชยบูรณ์ขึ้นที่บริเวณที่ท่านเสียชีวิต บริเวณทุ่งนาระหว่างร่องกวางเคา (ปัจจุบันเรียก ฮ่องคาว ) ข้างถนนยันตรกิจโกศล ตำบลนาจักร อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

เมื่อกองโจรเงี้ยวสามารถยึดเมืองแพร่ได้แล้ว พะกาหม่องและสะลาโปไชยก็ไปที่คุ้มเจ้าหลวง เพื่อเชิญให้เจ้าเมืองแพร่ปกครองบ้านเมืองตามเดิม ก่อนจะปกครองเมือง พะกาหม่องได้ให้เจ้าเมืองแพร่ และเจ้านายบุตรหลานทำพิธีถือ น้ำสาบานก่อน โดยมีพระยาพิริยวิไชยเป็นประธานร่วมด้วยเจ้าราชบุตร เจ้าไชยสงครามและเจ้านายบุตรหลานอื่นๆ รวม ๙ คน ในพิธีนี้มีการตกลงร่วมกันว่าจะร่วมกันต่อต้านกองทัพของรัฐบาล โดยพวกกองโจรเงี้ยวเป็นกองหน้าออกสู้รบเอง ส่วนเจ้าเมืองและคนอื่นๆ เป็นกองหลังคอยส่งอาหารและอาวุธตลอดทั้งกำลังคน
พวกกองโจรเงี้ยวเริ่มลงมือตามล่าฆ่าข้าราชการไทยและคนไทย ภาคกลางทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือสตรีที่หลบหนีไปโดยประกาศให้รางวัลนำจับ เฉพาะค่าหัวพระยาไชยบูรณ์และพระเสนามาตย์ยกบัตรเมืองแพร่ คนละ ๕ ชั่ง หรือ ๔๐๐ บาท นอกนั้นลดหลั่นลงตามลำดับความสำคัญ แต่อย่างต่ำจะได้ค่าหัวคนละ ๔๐ บาท
พระยาไชยบูรณ์ซึ่งอดอาหารมาเป็นเวลา ๓ วัน กับ ๒ คืน โดยหลบซ่อนอยู่บนต้นข่อยกลางทุ่งนาใกล้ๆ กับหมู่บ้านร่องกาด ได้ออกจากที่ซ่อนเพื่อขออาหารจากชาวบ้านร่องกาด ราษฎรคนหนึ่งในบ้านร่องกาดชื่อหนานวงศ์ จึงนำความไปแจ้งต่อพะกาหม่องเพื่อจะเอาเงินรางวัล พะกาหม่องนำกำลังไปล้อมจับพระยาไชยบูรณ์ทันที เมื่อจับตัวได้ก็ควบคุมตัวกลับเข้าเมืองแพร่ และได้บังคับขู่เข็ญพระยาไชยบูรณ์ตลอดทาง พระยาไชยบูรณ์จึงท้าทายให้พวกโจรเงี้ยวฆ่าตนเสียดีกว่า ดังนั้นพอมาถึงทางระหว่างร่องกวางเคา (ปัจจุบันเรียกว่าร่องคาว) โจรเงี้ยวคนหนึ่งชื่อ จองเซิน จึงคิดฆ่าพระยาไชยบูรณ์ทันที
นอกจากพระยาไชยบูรณ์แล้ว พวกโจรเงี้ยวยังได้จับข้าราชการไทยอีกหลายคนฆ่า ที่สำคัญได้แก่ พระเสนามาตย์ ยกกระบัตรศาล หลวงวิมล ข้าหลวงผู้ช่วย ขุนพิพิธ ข้าหลวงคลัง นายเฟื่อง ผู้พิพากษา นายแม้น อัยการ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ และสมุห์บัญชีอำเภอต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก นับเป็นการเข่นฆ่าข้าราชการไทยครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ ในภาคเหนือ
ทางรัฐบาลไทยได้ส่งกองทัพจากเมืองใกล้เคียง เช่น พิชัย สวรรคโลก สุโขทัย ตาก น่าน และเชียงใหม่ เข้ามาปราบปรามพวกกองโจรเงี้ยวอย่างรีบด่วน โดยกำหนดให้ทุกเมืองระดมกำลังเข้าปราบปราม พวกกองโจรเงี้ยวในเมืองแพร่พร้อมกันทุกด้าน และยังได้มอบหมายให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) นำกองทัพหลวงขึ้นมาปราบปรามพร้อมทั้งให้ดำเนินการสอบสวนสาเหตุการปล้นครั้งนี้ด้วยและให้ถือว่าเป็น "กบฏ" ด้วย ดังนั้นจึงเรียกว่า กบฏเงี้ยวเมืองแพร่ ส่วนพวกกองโจรเงี้ยวเมื่อสามารถก่อการกบฏได้สำเร็จก็ไม่ได้ตระเตรียมกำลังป้องกันแต่อย่างใด
จนกระทั่ง เมื่อทราบข่าวว่ากองทัพรัฐบาลจะมาปราบปรามจึงได้แบ่งกำลังออกเป็น ๒ กอง กองหนึ่งนำโดยสะลาโปไชย ยกกำลังไปทางด้านใต้เพื่อขัดตาทัพ รัฐบาลที่ส่งมา อีกกองหนึ่งนำโดยพะกาหม่อง ยกกำลังไปทางด้านตะวันตกเพื่อโจมตีนครลำปางหวังยึดเมืองเป็นฐานกำลังอีกแห่งหนึ่ง การโจมตีนครลำปางนั้น พวกกองโจรเงี้ยวต้องประสบกับความผิดหวัง เพราะนครลำปางรู้เหตุการณ์และเตรียมกำลังไว้ต่อสู้อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเงี้ยวไปถึงนครลำปางในวันที่ ๓ สิงหาคม จึงถูกฝายนครลำปางตีโต้กลับทำให้ กองโจรเงี้ยวแตกพ่ายหนีกระจัดกระจายไป ตัวผู้นำคือ พะกาหม่องต้องสูญเสียชีวิตเพราะถูกยิงในระหว่างการต่อสู้ ส่วนพวกกองโจรเงี้ยวที่นำโดยสะลาโปไชยนั้น ในระยะแรกสามารถสกัดทัพเมืองพิชัยไว้ได้ชั่วคราว แต่ก็ไม่สามารถต้านทานทัพเมืองสวรรคโลกและสุโขทัยได้ จึงถอยกลับไปตั้งหลักที่เมืองแพร่
ในที่สุดพวกโจรเงี้ยวก็หนีกระจัดกระจายไป เพราะต่อสู้ไม่ไหว พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพ เนติโพธิ์) ผู้ว่าราชการเมืองพิชัย จึงนำกองกำลังตำรวจภูธรและทหารจำนวนหนึ่งบุกเข้าเมืองแพร่ได้สำเร็จ
เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) นำทัพหลวงถึงเมืองแพร่ หลังจากเหตุการณ์สงบลงหลายวันแล้ว เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีจึงทำการสอบสวนความผิดผู้ เกี่ยวข้องทันที ขั้นแรก ได้สั่งจับชาวเมืองแพร่ ราษฎรบ้านร่องกาด คือ หนานวงค์ ที่หวังเงินรางวัลนำจับพระยาไชยบูรณ์มาประหารชีวิตเป็นเยี่ยงอย่างก่อน ขั้นที่สอง สั่งให้จับตัว พญายอด ผู้นำจับหลวงวิมลมาประหารชีวิตอีกคนหนึ่ง จากนั้นเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีได้สอบสวนพยานหลายคน โดยยึดถือตามแนวนโยบายที่กรมหลวงดำรงราชานุภาพทรงกำชับไว้ คือ ไม่ให้ตั้งข้อสงสัย หรือกล่าวหาเจ้าเมืองแพร่และเจ้านายบุตรหลานล่วงหน้า เมื่อสอบสวนพยานเสร็จไปหลายคน ก็พบหลักฐานต่างๆ ผูกมัดเจ้าเมืองแพร่และ เจ้านายบุตรหลานบางคน เช่น เจ้าราชบุตร เจ้าไชยสงคราม อย่างแน่นหนาว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับกบฎครั้งนี้ ทำให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเข้าใจว่า เจ้าเมืองแพร่ เจ้าราชบุตร เจ้าไชยสงคราม มีส่วนสนับสนุนให้กองโจรเงี้ยวก่อ การกบฏขึ้นอย่างแน่นอน และเชื่อว่าต้องมีการตระเตรียมการล่วงหน้ามาช้านานพอสมควร
ก่อนที่เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีจะได้ชำระความผิดผู้ใด เจ้าราชวงษ์และภริยาก็ตกใจกลัวความผิดดื่มยาพิษฆ่าตัวตายเสียก่อน เพราะได้ข่าวลือว่ารัฐบาลจะประหารชีวิตผู้เกี่ยวข้องกับกบฏเงี้ยวทุกคน เมื่อเกิดอัตวินิบาตกรรมขึ้นเช่นนี้ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเกรงว่าจะเป็นการสร้างความ เข้าใจผิดกันว่ารัฐบาลกระทำการรุนแรงต่อเจ้านายเมืองแพร่ ครั้นจะสืบหาพยานต่อไปอีกหลักฐานก็จะผูกมัดเจ้าเมืองแพร่ และเจ้านายบุตรหลานที่เกี่ยวข้องยิ่งขึ้น จนในที่สุดจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏ
โดยเจ้าพระยาสุรศักศ์มนตรี จึงพยายามคิดหาวิธีที่ละมุนละม่อมตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งต้องการใช้วิธีผ่อนปรนต่อเจ้านายเมืองแพร่ ขณะเดียวกันก็พยายามไม่ให้เจ้านายเมืองแพร่ตื่นตกใจ หนีเข้าพึ่งอิทธิพลอังกฤษ อันอาจจะก่อให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศได้ ในที่สุด เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีก็ใช้วิธีปล่อยข่าวว่าจะมีการจับกุมตัวเจ้าเมืองแพร่และ เจ้าราชบุตร ข่าวลือนี้ได้ผล เพราะตอนดึกคืนนั้น เจ้าเมืองแพร่พร้อมด้วยคนสนิทอีกสองคน ก็หลบหนีออกจากเมืองแพร่ทันที
การหลบหนีของเจ้าเมืองแพร่ในคืนนั้นได้รับการสนับสนุนจากเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี โดยมีคำสั่งลับมิให้กองทหารที่ตั้งสกัดอยู่รอบเมืองแพร่ขัดขวาง ทำให้การหลบหนีของ เจ้าเมืองแพร่เป็นไปอย่างสะดวกจนถึงหลวงพระบางอย่างปลอดภัย เมื่อเจ้าเมืองแพร่หนีไปได้ ๑๕ วัน ถือว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่ราชการ จึงเป็นโอกาสให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีสามารถออกคำสั่งถอดเจ้าพิริยเทพวงศ์ออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองแพร่ทันที พร้อมกับสั่งอายัดทรัพย์เพื่อชดใช้หนี้หลวงที่เจ้าเมืองแพร่ค้างกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ

สถานที่ตั้ง
อำเภอสูงเม่น
ตำบล ร่องกาศ อำเภอ สูงเม่น จังหวัด แพร่
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง จตุรภัทร อิ่มเพ็ง อีเมล์ mail@pco.go.th
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่
เลขที่ 108 หมู่ที่/หมู่บ้าน 13
ตำบล ป่าแมต อำเภอ เมืองแพร่ จังหวัด แพร่ รหัสไปรษณีย์ 54000
โทรศัพท์ 054625496
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่