ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 13° 50' 31.5676"
13.8421021
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 30' 30.6684"
100.5085190
เลขที่ : 188526
ขุนการัญสิขภาร (ทุเรียน ทัพภะพยัคฆ์)
เสนอโดย saksith วันที่ 26 เมษายน 2556
อนุมัติโดย นนทบุรี วันที่ 16 มิถุนายน 2564
จังหวัด : นนทบุรี
0 1111
รายละเอียด
ขุนการัญสิขภาร (ทุเรียน ทัพภะพยัคฆ์)ขุนการัญสิขภาร (ทุเรียน ทัพภะพยัคฆ์) เป็นบุคคลสำคัญของจังหวัดนนทบุรี จากประวัติการรับราชการอันยาวนานและคุณงามความดีที่ท่านทำไว้ ท่านเป็นบุคคลสำคัญด้านการศึกษาที่ได้วางรากฐานให้กับการศึกษาของจังหวัดนนทบุรีกำเนิดขุนการัญสิขภาร เป็นราชทินนามของนาย ทุเรียน ทัพภะพยัคฆ์เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2431 ที่ตำบลบ้านปลายนา อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคนที่ 2 ของนายดิศ ทัพภะพยัคฆ์ และนางมุ่ย ทัพภะพยัคฆ์อุปสมบท ณ วัดกระโดงทอง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2452 โดยมีพระพรหมมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทอยู่เต็ม 1 พรรษา ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมตามสมควร แล้วลาสิกาบท เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 สมรสกับนางสาวบุญมา เดชสาท บุตรีนายปลื้ม นางบุญมี เดชสาท คหบดีชาวสวนทุเรียน ณ บ้านตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรีการศึกษาเมื่อมีอายุอยู่ในวัยที่เล่าเรียนได้ บิดา-มารดาส่งเข้าเรียนวิชาภาษาไทยที่โรงเรียนกระโดงทอง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้นอายุได้ 9 ขวบ บิดา-มารดาจึงส่งเข้ามาศึกษาเล่าเรียนในกรุงเทพฯ ที่โรงเรียนกล่อมพิทยากร จังหวัดพระนคร เรียนอยู่ 4 ปี สอบไล่ได้ประโยค 2 ชั้น 1 จึงไปศึกษา ต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร โดยมีเลขประจำตัว 458 สอบไล่ได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แล้วย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมวัดราชบูรณะ กรุงเทพมหานคร จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2447 อายุ 17 ปี ด้วยใจรักการเป็นครู จึงสมัครไปศึกษาวิชาครู ณ โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ มีเลขประจำตัว 346 ใน พ.ศ. 2448-2449 สอบไล่ได้ประกาศนียบัตรประโยคครูมูลสามัญ พร้อมกับนักเรียนฝึกหัดอาจารย์ที่ได้ประกาศนียบัตรเช่นเดียวกัน 17 คน ต่อจากนั้นก็ฝึกฝนตนเองจนได้ประกาศนียบัตรครูประถมสามัญ (ป.ป) เมื่อ พ.ศ. 2450รับราชการเริ่มเข้ารับราชการเป็นครูโรงเรียนประถมวัดสุทัศน์ จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2450 โดยได้รับเงินเดือน 30 บาท แล้วย้ายไปรับราชการครูโรงเรียนมัธยมราชบูรณะ จังหวัดพระนคร เงินเดือน 35 บาท ต่อมาอีก 1 ปี ก็ย้ายมาดำรงตำแหน่งครูโรงเรียนกล่อมพิทยากร เงินเดือน 40 บาท แล้วในปีเดียวกันนั้นเองก็ย้ายมาดำรงตำแหน่งครูโรงเรียนวัดราชบพิธ จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2452 เงินเดือน 45 บาทหลังจากได้ลาสิกขาบทแล้วจึงย้ายมารับราชการครูที่จังหวัดนนทบุรี ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ราชการ คือ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2453 ดำรงตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม รับเงินเดือน 50 บาทพนักงานจัดการประจำเมืองนนทบุรีใน พ.ศ. 2454พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดตั้งองค์การลูกเสือขึ้นในประเทศไทย ครูทุเรียนซึ่งขณะนั้นมียศเป็นราชบุตรแล้วก็ได้ไปรับการอบรมเป็นผู้กำกับและรองผู้กำกับลูกเสือแผนกลักษณะปกครองลูกเสือ ได้สอบไล่เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2454 ในจำนวนผู้สอบ 200 คน จังหวัดนนทบุรีจึงได้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2454 กองลูกเสือโรงเรียนเขมาภิรตารามเป็นลูกเสือมณฑลกรุงเทพฯ กองที่ 54 มีลูกเสือสำรอง 31 คน ความชอบของครูทุเรียนคือได้เลื่อนเงินเดือนเป็น 55 บาทครั้น พ.ศ. 2455 ทางราชการกระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งตำแหน่งเกี่ยวกับการศึกษา เพิ่มในหัวเมืองต่างๆ อีกตำแหน่งหนึ่งเรียกว่า “พนักงานจัดการประจำเมือง” โดยในครั้งนี้ครูทุเรียนได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานจัดการประจำเมืองนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ร.ศ.131 พ.ศ. 24555 และให้คงตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนวัดเขมาภิรตารามไปด้วย เมื่อครูทุเรียนได้รับหน้าที่เพิ่มขึ้นอีก จึงจำเป็นต้องเดินทางไปปฏิบัติราชการเป็น 2 แห่ง ณ ที่ตั้งที่ว่าการเมืองนนทบุรี ซึ่งขณะนั้นตั้งอยู่ที่ปากคลองบางซื่อ (บน) ฝั่งใต้ที่เป็นท่าเรือบ้านตลาดขวัญในเวลาต่อมา มีวัดท้ายเมืองอยู่ทิศเหนือ สุดของที่ว่าการอำเภอ การเดินทางไปมาระหว่างโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม กับที่ว่าการเมืองต้องใช้เรือยนต์เป็นพาหนะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีต่อมาทางราชการได้ยุบเลิกตำแหน่งพนักงานจัดการประจำเมืองนนทบุรีเสีย ครูทุเรียนจึงพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ธุรการฝ่ายบ้านเมืองแล้ว ก็ได้บริหารงานโรงเรียนวัดเขมาภิรตารามได้เต็มที่ ขณะนั้นได้ยุบชั้นมูลลงแล้วคงเหลือเปิดสอนแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงประถมปีที่ 3 มี 3 ห้องเรียน จำนวนนักเรียนชาย 44 คน นักเรียนหญิงยังไม่มี มีครู 3 คน และใน พ.ศ. 2456 ทางราชการเห็นว่าการทำมาหากินของราษฎรในตำบลสวนใหญ่ แขวงเมืองนนทบุรียังอัตคัดอยู่ จึงประกาศลดค่าเล่าเรียนของนักเรียนโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม ส่วนโรงเรียนวัดท้ายเมืองนั้นก็งดเก็บค่าเล่าเรียน โดยให้เหตุผลว่า เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในทำเลที่การทำมาหากินไม่สมบูรณ์ เด็กมักไม่ใคร่เข้าเล่าเรียนทั่งถึงกัน ด้วยไม่มีทุนทรัพย์จะใช้จ่ายในการเล่าเรียนเพียงพอต่อมาทางราชการได้ย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2459 ดำรงตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2460 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนการัญสิกขาภาร” นับเป็นครูใหญ่โรงเรียนรัฐบาลสังกัดกระทรวงธรรมการคนแรกในจังหวัดนนทบุรีที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ และได้เลื่อนเงินเดือนขึ้นเป็น 75 บาท ขณะดำรงตำแหน่งพนักงานจัดการประจำเมืองนนทบุรี ได้ส่งงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนครั้งที่ 1 ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จังหวัดพระนคร ได้รับรางวัลชนะเลิศถึง 7 รางวัล ทำให้ชื่อเสียงของนนทบุรีเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับของวงการศึกษาผู้รักษาการแทนศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรีต่อมาใน พ.ศ. 2462 ขุนการัญสิกขภาร ครูใหญ่โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งขณะนั้นอายุ 31 ปี ได้รับหน้าที่ราชการเพิ่มขึ้นอีก ตำแหน่งหนึ่งคือ “ผู้รักษาการแทนศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรี” ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2462 สถานที่ทำงานของท่านจึงเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง คือ ที่แผนกศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรี ในศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ณ ตำบลตลาดขวัญซึ่งไกลกัน และมีการไปมาได้สะดวกอยู่แต่ทางน้ำทางเดียว ขุนการัญสิกขภารต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการ 2 ตำแหน่งเป็นเวลา 1 ปีเศษ จนถึงวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2463 จึงพ้นจากตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ คงได้ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรีตำแหน่งเดียว เป็นเวลา 23 ปี ในศกนั้นท่านได้รบพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เบญจมาภรณ์มงกุฎสยาม และได้เงินเดือนขึ้นเป็น 80 บาทขณะดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรี ได้เปิดสถานศึกษาเพื่อให้การศึกษาแก่เยาวชนจังหวัดนนทบุรี ดังนี้พ.ศ. 2467 ตั้งโรงเรียนประจำจังหวัดนนทบุรี โดยยกฐานะโรงเรียนวัดท้ายเมือง ขึ้นเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด ในขณะนั้นมีชั้นประถมปีที่ 1 ถึง ชั้นประถมปีที่ 5 และต่อมามีชั้นมัธยมปีที่ 6 เมื่อประมาณ พ.ศ. 2470 ซึ่งเป็นโรงเรียนแรกในจังหวัดนนทบุรี ปัจจุบันคือ โรงเรียนศรีบุณยานนท์พ.ศ. 2475 ตั้งโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด อยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัดหลังเก่า พ.ศ. 2476 ย้ายไปใช้หอประชุมจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าเป็นสถานที่เรียนแทน จนถึง พ.ศ. 2478 ได้ย้ายไปอยู่ที่ถนนพิบูลสงคราม ใกล้วัดพลับพลาและวัดปากน้ำ (พิบูลสงคราม) ปัจจุบันคือ โรงเรียนสตรีนนทบุรีพ.ศ. 2476 ตั้งโรงเรียนสอนหัตถกรรมทอเสื่อกก และสอนวิชาช่างเหล็ก ที่โรงเรียน วัดทินกรนิมิตรพ.ศ. 2484 ตั้งโรงเรียนช่างไม้นนทบุรี ที่วัดลานนาบุญ ต่อมาเป็นโรงเรียนการช่างนนทบุรี ปัจจุบันคือ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตนนทบุรีหัวหน้าเก็บกองกลางครั้นมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองท้องที่ของจังหวัดนนทบุรีถูกรวมเข้าไว้ในการปกครองของจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรีจึงถูกเลิกไปด้วยตามกฎหมาย กระทรวงศึกษาจึงย้ายขุนการัญสิกขภารมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเก็บกองกลาง สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2486ต่อมาได้เข้าทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรม 2 ปี จึงลาออกเพราะสุขภาพไม่สมบูรณ์ หันมาประกอบอาชีพกสิกรรม ทำสวนทุเรียน ขุนการัญสิกขภารสนใจการเมืองท้องถิ่น ได้เป็นสมาชิกสภาจังหวัดนนทบุรี และเทศมนตรีเทศบาลเมืองนนทบุรีโรงเรียนการัญศึกษาก่อตั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์และดำเนินการตามอุดมการณ์ของรองอำมาตย์โทขุนการัญสิกขภาร(นายทุเรียน ทัพภะพยัคฆ์) อดีตศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรีเป็นคนแรก เมื่อ พ.ศ.2463 ให้เป็นสถานศึกษาที่ดีมีคุณภาพ อบรมกุลบุตรกุลธิดา เพื่อเป็นมรดกทางการศึกษาแก่สังคม ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2500 ใช้ชื่อว่าโรงเรียนอนุบาลการัญศึกษามีนางการัญสิกขภาร (นางบุญมา ทัพภะพยัคฆ์) เป็นผู้รับใบอนุญาต มีนางสาวสมปอง ทัพภะพยัคฆ์ เป็นผู้จัดการ และมีนายพร คล้ายชัง เป็นครูใหญ่ ตั้งอยู่เลขที่ 32 หมู่ 8 ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โดยให้บุตรหลานของท่านเป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ดังกล่าวเป็นเวลา 52 ปี จนถึงปัจจุบันอสัญกรรมพ.ศ. 2493 ขุนการัญสิกขภาร เริ่มมีโรคภัยเบียดเบียน ป่วยกระเสาะกระแสะด้วยโรคหัวใจ ไตพิการ และความดันโลหิตสูงเนื่องด้วยได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดีจากนายแพทย์ และครอบครัว อาการก็ทุเลาขึ้นเล็กน้อย ครั้นใน พ.ศ. 2494 อาการโรคกำเริบขึ้นอีกถึงกับต้องมารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช อาการก็ดีขึ้น อยู่โรงพยาบาลประมาณ 20 วันก็กลับบ้านได้ ต่อมาอีก 2 ปี โรคกำเริบขึ้นอีก จนถึงแก่กรรมด้วยอาการอันสงบที่โรงพยาบาลมิชชั่น จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2499 เวลา 13.30 น. รวมอายุได้ 67 ปี 11 เดือน 3 วัน
สถานที่ตั้ง
โรงเรียนการัญศึกษา
เลขที่ 32 หมู่ที่/หมู่บ้าน 8 ถนน พิบูลสงคราม
ตำบล ตลาดขวัญ อำเภอ เมืองนนทบุรี จังหวัด นนทบุรี
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
หนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์ และภูมิปัญญา จังหวัดนนทบุรี
บุคคลอ้างอิง ศักดิ์สิทธิ์ วงศ์ตรง อีเมล์ saksith.st.johnpoly.it@gmail.com
ชื่อที่ทำงาน เครือข่ายทางวัฒนธรรมจังหวัดนนทบุรี
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่