พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
ครั้งพุทธกาลมีเรื่องเล่าในคัมภีร์พระวินัยปิฎก เรื่อง กฐินขันธกะว่า ครั้งหนึ่งภิกษุชาวเมืองปาฐา หรือปาวา จำนวน ๓๐ รูป ถือธุดงควัตรอย่างยิ่งยวด มีความประสงค์จะเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ ณ พระเชตะวัน แคว้นโกศล เมืองสาวัตถี จึงพากันเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองนั้น พอถึงเมืองสาเกต ซึ่งห่างจากเมืองสาวัตถีประมาณ ๖ โยชน์ ก็เป็นวันเข้าพรรษาพอดี เดินทางต่อไปมิได้ ต้องจำพรรษาอยู่ที่เมืองสาเกตตามพระวินัยบัญญัติ ขณะที่จำพรรษาอยู่ ณ เมืองสาเกต เกิดความร้อนรนอยากเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นกำลัง เมื่อถึงวันปวารณาออกพรรษาก็รีบเดินทางเพื่อที่จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ระยะนั้นยังมีฝนตกมาก หนทางที่เดินชุ่มไปด้วยน้ำเป็นโคลนตม ต้องบุกลุยมา จนกระทั่งถึงเมืองสาวัตถีได้เข้าเฝ้าสมความประสงค์ พระพุทธเจ้า จึงมีปฏิสันถารกับภิกษุเหล่านั้น ถึงเรื่องจำพรรษาอยู่ ณ เมืองสาเกต และการเดินทาง ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลถึงความตั้งใจ ความร้อนรนกระวนกระวาย และการเดินทางที่ลำบากให้ทรงทราบทุกประการ พระพุทธเจ้าทรงทราบและเห็นความลำบากของภิกษุ จึงทรงยกเป็นเหตุ และมีพระพุทธานุญาตให้พระภิกษุผู้จำพรรษาครบถ้วนแล้วกรานกฐินได้ (กรานกฐิน คือการลาดหรือทาบผ้าลงไปกับกรอบไม้แม่แบบเพื่อตัดเย็บย้อม ทำเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่ง เป็นพิธีฝ่ายภิกษุที่ได้รับมอบผ้ากฐิน) และเมื่อกรานกฐินแล้วจะได้รับอานิสงส์ บางข้อตามพระวินัยต่อไป
ข้อกำหนดเกี่ยวกับกฐิน
๑. จำนวนพระสงฆ์ในวัดที่ทอดกฐินได้ ตามหลักฐานในพระไตรปิฎก (เล่ม ๕ หน้า ๒๕๘) ซึ่งเป็นพระพุทธภาษิตกล่าวว่า สงฆ์ ๔ รูป ทำกรรมได้ทุกอย่างเว้นการปวารณา คือ อนุญาตให้ว่ากล่าวตักเตือนได้การอุปสมบทและการสวดถอนจากอาบัติบางประการ(อัพภาน) จึงหมายถึงว่าจำนวนพระสงฆ์ในวัดที่ทอดกฐินได้จะต้องมีตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป
๒. คุณสมบัติของพระสงฆ์ที่มีสิทธิรับกฐินคือพระสงฆ์ที่จำพรรษาในวัดนั้นครบ ๓ เดือน
๓. กำหนดกาลที่จะทอดกฐินได้การทอดกฐินทำได้ในเวลาจำกัด คือ ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ จนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ก่อนหน้านั้น หรือหลังจากนั้น ไม่นับเป็นกฐิน
๔. กฐินไม่เป็นอันทอด หรือเป็นโมฆะ ข้อนี้สำคัญมาก ทั้งผู้ทอดและฝ่ายสงฆ์ผู้รับควรทราบเพราะเป็นเรื่องทางพระวินัย (วินัยปิฎกเล่ม ๕ หน้า ๑๓๗) ไม่ให้พระในวัดขอกฐินโดยตรงหรือโดยอ้อม ด้วยวาจาหรือด้วยหนังสือเชิญชวนให้ไปทอดกฐินในวัดของตน เพราะผิดพระวินัยกฐินไม่เป็นอันกรานนับเป็นโมฆะ กฐินไม่เป็นอันทอดพระผู้รับก็ไม่ได้อานิสงส์ จึงควรระมัดระวังและทำให้ถูกต้อง
ประเภทของกฐิน
การทอดกฐิน ที่ปฏิบัติกันมาในประเทศไทยตามหลักฐานที่ปรากฏนับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ตราบเท่าถึงปัจจุบัน แยกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ ๒ ประเภท คือ
๑. กฐินหลวง
๒. กฐินราษฎร์
กฐินหลวง
มีประวัติว่า เมื่อพระพุทธศาสนาได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย และประชาชนคนไทยที่ตั้งหลักแหล่งอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา ว่าเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว การทอดกฐินก็ได้กลายเป็นประเพณีของบ้านเมืองมาโดยลำดับ พระเจ้าแผ่นดิน ผู้ปกครองบ้านเมืองทรงรับเรื่องกฐินขึ้นเป็นพระราชพิธีอย่างหนึ่ง ซึ่งทรงบำเพ็ญเป็นการประจำ เมื่อถึงเทศกาลทอดกฐิน การที่พระเจ้าแผ่นดินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเกี่ยวกับกฐินเป็นพระราชพิธีดังกล่าว เป็นเหตุให้เรียกกันว่า กฐินหลวง
กฐินหลวงต้องเป็นกฐินที่ถวายพระอารามหลวง ส่วนกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินถวายวัดราษฎร์เรียกว่ากฐินต้น
แต่สมัยต่อมา เรื่องของกฐินหลวงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะการณ์ของบ้านเมือง เช่น ประชาชนมีศรัทธา เจริญรอยตามพระราชศรัทธาของพระเจ้าแผ่นดินและได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ถวายผ้าพระกฐินได้ตามสมควรแก่ฐานะ เป็นต้น เป็นเหตุให้แบ่งแยกกฐินออกเป็นประเภท ดังที่ปรากฏในปัจจุบันดังนี้
๑ .กฐินที่กำหนดเป็นพระราชพิธีกฐินดังกล่าวนี้ พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินด้วยพระองค์เองเป็นประจำ ณ วัดสำคัญๆ ซึ่งทางราชการกำหนดขึ้น มีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไว้อย่างเรียบร้อย ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และส่วนภูมิภาค ๑๘ วัด ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอารามหลวง ดังนี้
กรุงเทพมหานครจำนวน ๑๓ พระอาราม
๑. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๒. วัดอรุณราชวราราม
๓. วัดราชโอรสาราม
๔. วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
๕. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
๖. วัดบวรนิเวศวิหาร
๗. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
๘. วัดสุทัศนเทพวราราม
๙. วัดราชาธิวาส
๑๐. วัดมกุฏกษัตริยาราม
๑๑. วัดเทพศิรินทราวาส
๑๒. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
๑๓. วัดโสมนัสวิหาร
ต่างจังหวัด จำนวน ๕ พระอาราม
๑๔. วัดพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
๑๕. วัดนิเวศธรรมประวัติ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
๑๖. วัดสุวรรณดาราราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
๑๗. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
๑๘. วัดพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
พระอารามหลวงเหล่านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ด้วยพระองค์เอง แต่มิได้เสด็จไปทั้ง ๑๘ วัด จะเสด็จพระราชดำเนินเพียงบางวัดเท่านั้น นอกนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ หรือองคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ ไปถวาย
ส่วนพระอารามหลวงนอกเหนือจาก ๑๘ พระอารามหลวงนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร บริษัท ห้างร้าน บุคคล นำไปถวาย
กฐินที่กำหนดเป็นพระราชพิธีนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังออกหมายกำหนดการ เป็นประจำ จึงไม่มีการจองล่วงหน้า
๒. กฐินต้นเป็นกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดที่มิใช่พระอารามหลวง และมิได้เสด็จไปอย่างเป็นทางการ หรืออย่างเป็นพระราชพิธี แต่เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์
๓. กฐินพระราชทานเป็นกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานผ้าพระกฐิน และบริวารกฐิน เป็นของหลวง แต่เปิดโอกาสให้ส่วนราชการ องค์กร หรือบุคคลที่สมควร ขอรับพระราชทานอัญเชิญไปถวายยังพระอารามหลวงต่างๆ นอกจากพระอารามหลวงสำคัญ ๑๘ พระอาราม ที่กำหนดไว้
เหตุที่มีกฐินพระราชทาน เพราะปัจจุบันพระอารามหลวงมีจำนวนมาก (ปัจจุบันมีจำนวน ๓๑๐ พระอารามเป็นพระอารามหลวงที่รับพระกฐินพระราชทาน ๒๙๔ พระอาราม)ดังรายชื่อตามบัญชีพระอารามหลวง) จึงเปิดโอกาสให้กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ตลอดจนคณะบุคคลที่สมควรขอพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวายได้ รัฐบาลโดยกรมการศาสนาเป็นผู้จัดหาผ้าพระกฐินและบริวารพระกฐิน ซึ่งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สมาคม บริษัทห้างร้านและบุคคทั่วไป จะต้องยื่นความจำนงขอพระราชทานไปยังกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และเมื่อถึงกำหนดกฐินกาลต้องติดต่อขอรับผ้าพระกฐิน และบริวาร พระกฐินจากกองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา เพื่อนำไปทอด ณ พระอารามที่ขอรับพระราชทานไว้ เมื่อทอดถวายเรียบร้อยแล้ว ผู้ขอรับพระราชทานจะต้องจัดทำบัญชีรายงานถวายพระราชกุศล ในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ส่งไปยังกรมกาศาสนา เพื่อจะได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน ส่งไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อแจ้ งให้สำนักราชเลขาธิการ นำความกราบบังคมทูล พระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายพระราชกุศลในการที่หน่วยงาน องค์กร หรือบุคคลทั่วไปอัญเชิญผ้าพระกฐินไปถวาย ณ อารามนั้น
กฐินราษฎร์
กฐินราษฎร์หมายถึง กฐินที่ราษฎรหรือประชาชนผู้มีศรัทธานำผ้ากฐินของตนไปถวายตามวัดต่าง ๆ ยกเว้นพระอารามหลวงสำคัญ ๑๘ พระอาราม ที่กล่าวไว้แล้ว ซึ่งจะมีชื่อเรียกต่าง ๆ ตามลักษณะของการทอด คือ
๑. กฐินหรือมหากฐินเป็นกฐินที่ราษฎรนำไปทอด ณ วัดใดวัดหนึ่งที่ตนศรัทธาเป็นการเฉพาะ ผ้าที่เป็นองค์กฐินจะเป็นผืนเดียวหรือหลายผืนก็ได้ จะเย็บแล้วหรือไม่ก็ได้ แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นผ้าสำเร็จรูปแล้ว และนิยมถวายของอื่น ๆ ที่เรียกว่า บริวารกฐิน ไปพร้อมกับองค์กฐินด้วย เช่น เครื่องอุปโภคบริโภคของพระภิกษุสงฆ์ อย่างหมอน โอ่งน้ำ เตา ไม้กวาด จอบ เสียบ อาหาร ยาต่าง ๆ เป็นต้น
๒. จุลกฐินเป็นกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบเร่ง เดิมเรียกแบบไทย ๆ ว่า กฐินแล่น เจ้าภาพที่จะทอดกฐินเช่นนี้ได้ต้องมีพวกและกำลังมาก เพราะต้องเริ่มตั้งแต่ปั่นฝ้ายเป็นด้าย ทอด้ายให้เป็นผ้า ตัดผ้าและเย็บผ้าเป็นจีวร ย้อมสี และต้องทอดภายในวันนั้น และพระสงฆ์ก็ต้องกรานและอนุโมทนาในวันนั้น ๆ ด้วย เรียกว่าเป็นกฐินที่ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จภายในวันเดียว
๓. กฐินสามัคคีเป็นกฐินที่มีเจ้าภาพหลายคนร่วมกัน ไม่จำเป็นว่าใครบริจาคมากน้อย แต่มักตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการและมีหนังสือบอกบุญไปยังผู้อื่น เมื่อได้ปัจจัยมาเท่าไรก็จัดผ้าอันเป็นองค์กฐินรวมทั้ง บริวารไปทอด ณ วัดใดวัดหนึ่งที่จองไว้ ซึ่งกฐินชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะนอกจากทำบุญกฐินแล้ว ยังนำปัจจัยที่เหลือไปช่วยทำนุบำรุงวัด เช่น ก่อสร้างศาสนสถาน บูรณะปฎิสังขรณ์โบสถ์ เจดีย์ เป็นต้น
๔. กฐินตกค้าง หรือ กฐินโจรกล่าวคือในท้องถิ่นที่มีวัดมาก ๆ อาจจะมีวัดตกค้างไม่มีใครไปทอด จึงมีผู้มีจิตศรัทธาเสาะหาวัดอย่างนี้ แล้วนำกฐินไปทอด ซึ่งมักจะเป็นวันใกล้สิ้นเทศกาลกฐินหรือวันสุดท้าย จึงเรียกว่า กฐินตกค้าง หรืออาจเรียกว่า กฐินโจร เพราะกิริยาอาการ ที่ไปทอดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวจู่ ๆ ก็ไปทอด ไม่บอกกล่าวล่วงหน้าให้วัดรู้เพื่อเตรียมตัวคล้ายโจรบุก ซึ่งกฐินแบบนี้ต่างกับกฐินอื่นคือ ไม่มีการจองล่วงหน้า และจะทอดเฉพาะวัดที่ยังไม่มีใครทอด จะทอดหลายวัดก็ได้ และสามารถเอาของไทยธรรมที่เหลือจากวัดที่ไม่ได้ทอด ( กรณีไปหลายวัด ) ไปจัดเป็นผ้าป่า เรียกว่า " ผ้าป่าแถมกฐิน " ก็ได้
ความเชื่อในอานิสงส์ของการทอดกฐิน
การทอดกฐินถือเป็นการทำบุญพิเศษที่ทำได้เพียงปีละครั้ง และต้องอยู่ภายในกำหนดเวลาหนึ่งเดือนตามพุทธบัญญัติ ดังนั้น อานิสงส์ หรือผลดีจึงมีหลายประการ กล่าวคือ ได้สงเคราะห์พระสงฆ์ผู้จำพรรษาให้ได้ผ้านุ่งห่มใหม่ ได้ชื่อว่าทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สร้างกุศลจิตแก่ผู้ทำบุญเพราะทำด้วยความเลื่อมใสศรัทธา อีกทั้งการทอดกฐินยังก่อให้เกิดความสามัคคี เป็นการร่วมมือกันทำคุณงามความดี และหากการถวายกฐินนั้นมีส่วนในการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ถือได้ช่วยรักษาศาสนสถานและศาสนวัตถุให้ยั่งยืนต่อไป และเพื่อเป็นการสืบสาน รักษาคุณค่าของประเพณีการทอดกฐินให้ถูกต้อง ด้วยการบำเพ็ญกุศลถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบสามเดือนตามพุทธานุญาต
วัตถุประสงค์
๑) เพื่อสืบทอดโบราณราชประเพณี
๒) เพื่อสนองงานสถาบันพระมหากษัตริย์ในด้านการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญมั่นคงสืบไป
วัสดุ/อุปกรณ์ กระบวนการ/ขั้นตอน (ทำอย่างไร)
ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับพระกฐินพระราชทาน
สำหรับผู้ขอรับพระราชทานและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
ประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานมิใช่ผู้แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินตามที่ขอพระราชทานเพื่ออัญเชิญไปถวาย ณ พระอารามหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยถือเป็นเกียรติแก่องค์กร หน่วยงานและ วงศ์ตระกูลของผู้ที่ขอรับพระราชทาน อันเป็นการสนองงานสถาบันพระมหากษัตริย์ในด้านการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญมั่นคงสืบไป ดังนั้น เมื่อได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินพระราชทานแล้ว ผู้ที่ได้รับพระราชทานจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องและสมพระเกียรติ จึงกำหนดข้อปฏิบัติเกี่ยวกับพระกฐินพระราชทาน ดังนี้
๑. ผู้ที่ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน จะต้องเป็นผู้อัญเชิญผ้าพระกฐินไปถวายด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นการพระราชทานให้แก่บุคคลนั้น ยกเว้นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กร องค์การ สมาคมหรือหน่วยงานสามารถมอบให้ผู้บริหารระดับรองลงมาเป็นประธานพิธีอัญเชิญไปทอดถวายได้
๒. ไม่มีการเรี่ยไร ลักษณะการบอกบุญบุคคลทั่วไปหรือการพิมพ์เป็นฎีกาบอกบุญหรือการให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งไปเรี่ยไรในสถานที่สาธารณะ
๓. ไม่มีการเกณฑ์หรือจัดให้หัวหน้าส่วนราชการไปร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
การปฏิบัติพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
เมื่อประธานพิธีเดินทางถึงสถานที่ประกอบพิธี พิธีกรเชิญประธานไปที่โต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์และผ้าพระกฐินและปฏิบัติ ดังนี้
๑. ยืนตรงห่างจากพระบรมฉายาลักษณ์เล็กน้อย พอเอื้อมมือไปรับผ้าพระกฐินได้
๒. ถวายความเคารพ ผู้ชายถวายคำนับ ผู้หญิงถอนสายบัว (ผู้หญิงแต่งเครื่องแบบปกติขาวใช้ถอนสายบัว)
๓. ยื่นมือไปเปิดฝากรวยกระทงดอกไม้บนธูปเทียนแพ (เครื่องราชสักการะ) วางไว้ด้านข้าง ถวายความเคารพ อีกครั้งหนึ่ง ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปยกผ้าพระกฐินจากพานแว่นฟ้า อุ้มประคองไว้ยืนตรง วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะผู้เป็นประธานอัญเชิญผ้าพระกฐินผ้าพระกฐินพระราชทานมาประคองไว้ระหว่างมือทั้งสอง จบ ถวายความเคารพ
๔. ประธานเดินเข้าสู่สถานที่ประกอบพิธี ถึงโต๊ะตรงหน้าพระสงฆ์ วางผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้าแล้วหันหน้าไปทางพระพุทธรูป รับเทียนชนวนจากศาสนพิธีกรจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย (โดยเริ่มจุดเทียน จากด้านซ้ายมือไปด้านขวามือ แล้วจุดธูปในลักษณะเดียวกัน) ส่งเทียนชนวนคืนให้ศาสนพิธีกร คุกเข่าลง กราบ ๓ ครั้ง
๕. ลุกไปที่พานแว่นฟ้า หยิบผ้าห่มพระประธานมอบให้เจ้าหน้าที่หรือไวยาวัจกร
๖. ยกผ้าพระกฐินขึ้นอุ้มประคอง พร้อมประนมมือ หันหน้าไปทางพระพุทธรูป
๗. กล่าวคำนมัสการ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า ๓ จบ)
๘. หันหน้ามาทางพระสงฆ์ กล่าวคำถวายตามแบบที่ติดไว้บนผ้าพระกฐิน ดังนี้
"ผ้าพระกฐินทานกับทั้งผ้าอานิสงสบริวารทั้งปวงนี้ ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ กอปรด้วยพระราชศรัทธา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน ให้ .........................................น้อมนำมาถวายแด่พระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ในอาวาสวิหารนี้ ขอพระสงฆ์จงรับผ้าพระกฐินทานนี้กระทำกฐินัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาตนั้น เทอญ"
๙. กล่าวคำถวายจบแล้ว วางผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้า ยกทั้งพานประเคนพระสงฆ์และประเคนพานเทียนพระปาฏิโมกข์ แล้วกลับไปนั่งที่ซึ่งจัดไว้สำหรับประธาน
๑๐. พระสงฆ์กระทำพิธีอปโลกน์ และสวดญัตติทุติยกรรม พระสงฆ์รูปที่ได้รับฉันทานุมัติให้เป็นผู้ครองกฐินลงไปครองผ้า แล้วกลับขึ้นมานั่งที่อาสนะ
๑๑. ประธานถวายเครื่องบริวารกฐิน (เครื่องพระกฐินพระราชทานทั้งหมด) แล้วจึงถวายสิ่งของที่ผู้ขอรับพระราชทานจัดมาทีหลัง เช่น พัดรอง เป็นต้น ผู้ร่วมพิธีถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ทั้งหมด
๑๒. ศาสนพิธีกรหรือเจ้าหน้าที่การเงินประกาศยอดเงินที่ถวายให้ทราบทั่วกัน ตามแบบเอกสารที่กรมการศาสนาแนบมาพร้อมเครื่องพระกฐิน ประธานในพิธีถวายใบปวารณาจตุปัจจัยตามที่ประกาศแด่ประธานสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานและผู้ร่วมพิธีกรวดน้ำ รับพร
๑๓. ประธานกราบลาพระรัตนตรัย กราบลาพระสงฆ์ หากพระสงฆ์มีของที่ระลึกจะมอบให้ประธาน ก็มอบ ในขณะนี้ และมอบเงินหรือสิ่งของบำรุงการศึกษาแก่โรงเรียน (ถ้ามี)ประธานออกไปยังโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ถวายความเคารพ ผู้ชายถวายคำนับ ผู้หญิงถอนสายบัว (ผู้หญิงแต่งเครื่องแบบปกติขาวใช้ถอนสายบัว) เป็นเสร็จพิธีการถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
การเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติในพระอารามหลวง
เจ้าอาวาสพระอารามหลวงที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงใหม่มีข้อควรทราบในการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องพระกฐินพระราชทานหลายประการ เพื่อให้เจ้าอาวาสพระอารามหลวงใหม่ ได้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติดังกล่าว ซึ่งพระอารามหลวงอื่น ๆ ได้ถือปฏิบัติกันมาจนถือได้ว่าเป็นระเบียบปฏิบัติของพระอารามหลวงทุกพระอาราม และเพื่อจะได้ถือปฏิบัติเป็นแนวเดียวกัน กรมการศาสนาจึงได้กำหนดแนวปฏิบัติของพระอารามหลวงในส่วนที่เกี่ยวกับพระกฐินพระราชทานไว้ ดังนี้
๑. เมื่อเข้าพรรษาแล้ว ให้พระอารามหลวงทั่วราชอาณาจักร จัดทำบัญชีจำนวนพระสงฆ์สามเณรที่จำพรรษาแจ้งให้กรมการศาสนาทราบ เพื่อเป็นประโยชน์ในการประสานงานกับผู้ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
๒. กรมการศาสนา เป็นศูนย์กลางในการขอรับพระราชทาน (จอง)ผ้าพระกฐิน เมื่อมีผู้แจ้งขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน กรมการศาสนาจะตอบรับไปยังผู้ขอรับพระราชทาน ผู้ว่าราชการจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด และแจ้งพระอารามหลวงนั้น ๆ เพื่อทราบ
๓. หากพระอารามหลวงใด ได้รับจองพระกฐินจากผู้มีศรัทธาไว้ ขอให้รีบแจ้งกรมการศาสนาทราบทันทีเพื่อป้องกันมิให้เกิดการจองซ้ำซ้อนขึ้น
๔. ในการลงอนุโมทนาผ้าพระกฐินพระราชทานให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
-พระสมณศักดิ์ ใช้พัดยศพระภิกษุนอกนั้นไม่ต้องใช้พัดใด ๆ
- หากเจ้าอาวาสเป็นพระราชาคณะ พระครูเจ้าคณะจังหวัด พระครูรองเจ้าคณะจังหวัด หรือพระครูเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอกให้ใช้พัดยศเปลวเพลิงถวายอดิเรกได้
- ถ้าหากเจ้าอาวาสมิได้ถือพัดยศดังกล่าว ให้อาราธนาพระราชาคณะหรือพระสงฆ์ที่ถือพัดยศเปลวเพลิงจากวัดอื่น ถวายอดิเรกในเวลาอนุโมทนา
- การกรานกฐิน ควรประกอบพิธีหลังจากพิธีถวายผ้าพระกฐินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
๕. การจัดอาสนะสงฆ์ สำหรับพระสงฆ์ลงอนุโมทนาผ้าพระกฐินพระราชทาน ให้จัดไว้ทางด้านขวาพระหัตถ์พระประธานในพระอุโบสถ หากรับพระกฐินพระราชทานในที่มิใช่พระอุโบสถ ให้จัดเช่นเดียวกับในพระอุโบสถโปรดดูคำแนะนำในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานประกอบ และกรุณาจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น เทียนชนวน ตะลุ่ม โตก ที่กรวดน้ำ ฯลฯ ไว้ด้วย
๖. แผนผังวัด โรงเรียนในวัด(ถ้ามี) ให้แจ้งกรมการศาสนาทราบด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่จะเดินทางไปถวายผ้าพระกฐิน
๗. หมายเลขโทรศัพท์ของวัด เจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส หากมีการเปลี่ยนแปลงโปรดแจ้งกรมการศาสนาทราบด้วย
การเตรียมการในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
วันถวายผ้าพระกฐิน ศาสนพิธีกรจัดเจ้าหน้าที่นำเครื่องพระกฐินทั้งหมดตั้งไว้ ณ สถานที่ที่จะประกอบพิธีถวาย เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร เป็นต้น โดยจัดโต๊ะตั้งไว้ด้านหน้าหรือท้ายอาสนะสงฆ์จัดหาภาชนะ เช่น โตก ตะลุ่ม พาน ถาด ฯลฯ จัดตั้งวางเครื่องพระกฐินให้ดูเรียบร้อยสวยงาม สำหรับไตรพระกฐินไม่ต้องห่อ หากมีผ้าขาวให้วางทับบนผ้าไตรรัดติดกันไว้ พร้อมนำคำถวายพระกฐินปิดไว้ด้านบน นำผ้าห่ม
พระประธานวางทับคำถวาย ใช้สก็อตเทปใสติดไว้กันหล่น
การจัดตั้งโต๊ะหมู่ด้านหน้าพระอุโบสถ
๑. พระบรมฉายาลักษณ์ ประดิษฐานที่โต๊ะตัวกลาง แถวบนสุด
๒. พานหรือตะลุ่มมุกสำหรับวางผ้าพระกฐิน วางที่โต๊ะตัวกลางแถวกลางพร้อมผ้าพระกฐิน
๓. เครื่องราชสักการะ (ธูป เทียนแพ) วางที่โต๊ะตัวกลางแถวล่าง
๔. พานพุ่ม แจกันดอกไม้ จัดวางบนโต๊ะที่เหลือให้ดูเหมาะสม งดงาม
๕. ไม่นิยมประดับธงชาติและธงธรรมจักรติดกับโต๊ะหมู่ เพราะเมื่อลมพัดธงอาจสะบัดทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ บนโต๊ะหมู่ตกหล่นเสียหายได้
๖. หากมีวงโยธวาทิต หรือวงดนตรีมาบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ต้องจัดสถานที่ตั้งแถว ให้เหมาะสม ไม่กีดขวางทางเข้าออกของประธานในพิธี และให้บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในขณะที่ประธานในพิธียกผ้าไตรขึ้นอุ้มประคอง
ภายในพระอุโบสถ
๑. จัดโต๊ะตั้งไว้หน้าพระสงฆ์รูปที่ ๒ วางพานแว่นฟ้าและพานพร้อมเทียนพระปาฏิโมกข์ หากประธานในพิธีเป็นผู้หญิง ให้ติดผ้ารับประเคนไว้ใต้พานทั้งสองสำหรับพระสงฆ์ใช้จับรับประเคนด้วย
๒. ที่นั่งประธาน จัดหันหน้าเข้าหาพระสงฆ์ ผู้ร่วมพิธีอื่น ๆ จัดหันหน้าไปทางประธาน
๓. เตรียมธูปเทียนที่บูชา เทียนชนวน ที่กรวดน้ำ ชุดน้ำดื่มสำหรับประธาน เป็นต้น
ขั้นตอนการจัดเตรียมพิธีสงฆ์ในการถวายผ้าพระกฐิน
๑. เมื่อขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินแล้ว
- ประสานวัน เวลา ที่จะถวายผ้าพระกฐินกับทางวัด
- เตรียมสถานที่โดยการประสานกับทางวัด เช่น การจัดโต๊ะหมู่หน้าพระอุโบสถการจัดสถานที่การจัดบริการเครื่องดื่ม น้ำชา กาแฟ อาหาร เป็นต้น
๒. จัดเครื่องพระกฐิน (ผ้าไตรพร้อมบริวารกฐิน) เช่น บาตร หมอน ผ้าห่ม ปิ่นโต ฯลฯ จัดแต่งให้สวยงาม เช่น ห่อหรือผูกริบบิ้น แล้วเชิญไปจัดตั้งที่วัด ด้านท้ายอาสนะสงฆ์ในพระอุโบสถ
๓. หากมีการสมโภชองค์พระกฐินในตอนเย็นก่อนวันถวายกฐิน ให้นิมนต์พระสงฆ์ ๙ หรือ ๑๐ รูป มาเจริญพระพุทธมนต์ จบแล้ว ถวายไทยธรรม กรวดน้ำ รับพร
๔. ในวันถวาย ควรหาศาสนพิธีกรและเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญมาปฏิบัติพิธี เพื่อควบคุมและลำดับขั้นตอนตามกำหนดการที่กำหนดไว้
เครื่องบริวารพระกฐินพระราชทาน
ส่วนประกอบในการถวายพระกฐินองค์พระกฐิน คือ ผ้าไตรจีวรนอกนั้นเป็นบริวารพระกฐิน ดังนี้
- เครื่องสักการบูชา เช่น เทียนพระปาฏิโมกข์ ผ้าห่มพระประธาน เป็นต้น
- เครื่องนอน เช่น พรมปูนอน หมอน ผ้าแพรสีเหลืองอ่อน เป็นต้น
- เครื่องกิน เช่น บาตรพร้อมถุงบาตร ปิ่นโตสแตนเลส ช้อนส้อมคาว – หวาน เป็นต้น
- เครื่องใช้ เช่น ชุดแก้วน้ำกระบะมุก กระติกน้ำร้อน โคมไฟตั้งโต๊ะ เป็นต้น
- เครื่องมือโยธา เช่น เครื่องมือช่าง เป็นต้น
เมื่อใกล้เวลากฐินกาล กรมการศาสนาจะมีหนังสือแจ้งมายังเจ้าภาพ ให้ไปรับผ้าพระกฐินและเครื่องกฐินพระราชทาน ณ กลุ่มงานพระบรมราชูปถัมภ์ฯ กองศาสนพิธี กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (เจ้าภาพผู้ขอรับพระราชทานจะถวายพัดรอง และเครื่องไทยธรรมอื่น ๆ ได้ตามความประสงค์)
การจัดโต๊ะหมู่ถวายราชสักการะ
การจัดโต๊ะหมู่ถวายราชสักการะ และการวางผ้าพระกฐินพระราชทาน
หน้าพระอุโบสถ จะต้องประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้ที่โต๊ะกลางแถวบนสุด
จากนั้นให้จัดวาง ดังนี้
๑. พาน หรือตะลุ่มมุกสําหรับวางผ้าพระกฐิน วางที่โต๊ะตัวกลางแถวกลาง พร้อมผ้าพระกฐิน
๒. เครื่องราชสักการะ(ธูป เทียนแพ กรวยกระทงดอกไม้วางบนพาน) ที่โต๊ะตัวกลางแถวล่าง
๓. พานพุ่ม แจกันดอกไม้ จัดวางบนโต๊ะที่ให้ดูเหมาะสมสวยงาม
๔. ไม่นิยมประดับธงชาติและธงใด ๆ ติดกับโต๊ะหมู่ เพราะเมื่อลมพัด ธงอาจสะบัดทําให้อุปกรณ์ต่าง ๆ บนโต๊ะหมู่ตกหล่นเสียหายได้
๕. หากมีวงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีต้องจัดสถานที่ตั้งแถวให้เหมาะสม ไม่กีดขวางทางเข้าออกของประธานในพิธีและให้บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในขณะที่ประธานในพิธียกผ้าไตรขึ้นอุ้มประคอง
ข้อสังเกต
๑. หากตั้งโต๊ะหมู่ถวายราชสักการะเป็นประจํา เช่น การตั้งในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา
ซึ่งไม่มีพิธีเปิดจะต้องปิดฝากรวยกระทงดอกไม้ไว้เสมอ แต่หากงานใดมีพิธีเปิด เมื่อถึงเวลาประกอบพิธี ประธานในพิธีจะเป็นผู้เปิดฝากรวยกระทงดอกไม้เอง
๒. ให้ติดคําถวายกฐินไว้บนผ้าพระกฐินพระราชทาน เนื่องจากเวลาถวาย ประธานในพิธีจะได้อ่านสะดวก และควรทําสําเนาให้ฝึกอ่านให้คล่องก่อนถึงวันพิธี
คำกล่าวถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ”(ว่า ๓ จบ)
“ผ้าพระกฐินทานกับทั้งผ้าอานิสงสบริวารทั้งปวงนี้ ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ.กอปรด้วยพระราชศรัทธา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานให้น้อมนำมาถวายแด่พระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ในอาวาสวิหารนี้ ขอพระสงฆ์จงรับ ผ้าพระกฐินทานนี้ กระทำกฐินัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาตนั้น เทอญ”
คำประกาศ
นมัสการ*และเรียนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน
ในการที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
ผ้าพระกฐิน ให้.
นำมาถวายพระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ พระอารามนี้ เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาจึงขอปวารณาถวายจตุปัจจัยถวายพระราชกุศล มีรายการดังต่อไปนี้
- ถวายบำรุงและบูรณะพระอาราม .....................บาท
- ถวาย องค์ครอง .....................บาท
- ถวายพระคู่สวด รูป ๆ ละ บาท .....................บาท
- ถวายพระอันดับ รูป ๆ ละ บาท ....................บาท
- ถวายสามเณร รูป ๆ ละ บาท ......................บาท
- บำรุงโรงเรียนพระปริยัติธรรม ......................บาท
- ให้ทุนการศึกษา(สำหรับนักเรียนที่มาช่วยงาน) ......................บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี) .......................บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น..........................บาท
ตัวอักษร(........................................................... )
จึงประกาศเพื่อพระภิกษุสงฆ์ทั้งปวง อุบาสก อุบาสิกา และผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านได้โปรดทราบ และอนุโมทนาโดยทั่วกัน
หมายเหตุ*
ชื่อเจ้าอาวาส ตามด้วย*
* พระคุณเจ้าที่เคารพอย่างยิ่งใช้กับสมเด็จพระราชาคณะ และรองสมเด็จพระราชาคณะ
* พระคุณท่านที่เคารพอย่างสูงใช้กับพระราชาคณะ (ชั้นสามัญ ชั้นราช ชั้นเทพ ชั้นธรรม)
* พระคุณท่านที่เคารพใช้กับเจ้าอาวาส (พระครู)
สถานที่ตั้งขององค์ความรู้: (เช่น วัด, กลุ่มอาชีพ เป็นต้น)สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร วัดท่าหลวง พระอารามหลวง และวัดมงคลทับคล้อ พระอารามหลวง
คุณค่าและบทบาทของวิถีชุมชนที่มีต่อองค์ความรู้เรื่องนี้
๑)คุณค่าขององค์ความรู้ทางวัฒนธรรม
พิธีถวายผ้าพระกฐิน เป็นการถวายทานที่มีกำหนดกาลแน่นอนไว้ในพระไตรปิฎก คือ ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งถือเป็นงานบุญประจำปีที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนที่ได้ถือปฏิบัติ และเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล
๒)บทบาทของชุมชนในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ขององค์ความรู้ทางวัฒนธรรม
การทอดกฐินก่อให้เกิดความสามัคคี เป็นการร่วมมือกันทำคุณงามความดี และหากการถวายกฐินนั้น มีส่วนในการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ถือได้ช่วยรักษาศาสนสถานและศาสนวัตถุให้ยั่งยืนต่อไป และเพื่อเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอดคุณค่าของประเพณีการทอดกฐินให้ถูกต้อง จึงควรร่วมมือกันบำเพ็ญกุศลถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบสามเดือนตามพุทธานุญาต
การส่งเสริม สนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม (ถ้ามี)
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร ให้การสนับสนุนผู้มีความชำนาญด้านพิธี และการปฏิบัติพิธี
สถานภาพปัจจุบัน
๑. สถานะการคงอยู่ขององค์ความรู้ :มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย
๒. สถานภาพปัจจุบันของการถ่ายทอดความรู้และปัจจัยคุกคาม
ปัจจุบันมีการถ่ายองค์ความรู้แก่ผู้ขอรับพระราชทานและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน พระภิกษุสงฆ์ ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่สนใจเป็นประจำทุกปี
ข้อเสนอแนะ :เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ควรมีความรู้ที่ถูกต้อง