ที่มาของอาหาร
คนไทยเชื้อสายมอญในเขตอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี นิยมรับประทานแกงเลียงใบกะเพรามาตั้งแต่บรรพกาลในยุคการแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีในหมู่บ้าน เมื่อมีผู้ป่วย หมอพื้นบ้านแนะนำให้รับประทานข้าวกับแกงเลียงใบกะเพรา เพราะเป็นอาหารที่ไม่แสลงต่อโรค และมีคุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างมากคือ ปลาช่อน ให้สารอาหารโปรตีน พริกไทย เป็นสมุนไพร แก้ลมบำรุงธาตุ ขับผายลม กระเทียมแก้ท้องอืด ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ใบกะเพราช่วยขับลม แก้ท้องอืด แก้ปวดท้อง ช่วยผายลม แก้จุกเสียด หัวปลีบำรุงน้ำนม รักษาโรคกระเพาะอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด
เครื่องปรุง/ส่วนผสม
ปลาช่อนย่าง(นิยมปลามีเกล็ด) พริกไทย กระเทียม ใบกะเพรา กะปิ(เล็กน้อย) หัวปลี (บาง ครอบครัวไม่ใส่) น้ำปลา
ขั้นตอน/วิธีทำ
นำปลาช่อนมาขอดเกล็ดควักไส้ออก ล้างให้สะอาดนำไปย่างให้เหลือง ทุบให้ยุ่ยฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ โขลกพริกไทยให้ละเอียด กระเทียมปอกเปลือก กะปิ ปลาย่างโขลกรวมกัน(ไม่ต้องให้เนื้อปลาแหลกมาก) ตักเครื่องแกงที่โขลกแล้วใส่ในน้ำต้มให้เดือด ใส่หัวปลีหั่นฝอยต้มให้เดือด ใส่เนื้อปลาย่าง ปรุงรสด้วยน้ำปลาใส่ใบกะเพรา
เคล็ดลับการปรุงก่อนนำหัวปลีมาปรุงอาหารควรแช่ในน้ำมะขามเปียกเพื่อมิให้ดำ และใส่ปลาในขณะที่แกงกำลังเดือดเพื่อมิให้มีกลิ่นคาว