สำหรับในพื้นที่เมืองปราจีนบุรี ที่มีหลักฐานในการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มคนตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอน ปลาย เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้รับอิทธิพลจากหลากหลายวัฒนธรรมและความเชื่อ ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือก็มีอยู่หลากหลายแห่ง โดยสถานที่สำคัญๆ โบสถ์งามสี่แผ่นดิน ตั้งอยู่ใน วัดแก้วพิจิตร เป็นเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5โดยเศรษฐีชาวปราจีนบุรี ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้สร้างบูรณะวัดแห่งนี้ และสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เพื่อทดแทนหลังเดิมที่สร้างด้วยไม้แล้วผุพังไป พระอุโบสถหลังใหม่สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน ซึ่งถือเป็นหลังแรกของจังหวัดปราจีนบุรี พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระปางอภัยทาน สร้างเมื่อปี พ.ศ.2462 โดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “หลวงพ่ออภัยวงศ์” หรือ “หลวงพ่ออภัย” เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้สร้างพระอุโบสถหลังนี้มีความน่าสนใจคือ สถาปัตยกรรมและลวดลายประดับอาคารเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะไทย จีน ยุโรป และเขมร ฝาผนังด้านนอกพระอุโบสถมีภาพปูนปั้นเรื่องรามเกียรติ์ ส่วนฝาผนังภายในเป็นภาพวาดบนแผ่นผ้าเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนา เช่น ทศชาติชาดก มารผจญ ซึ่งวาดโดยช่างหลวงในสมัยรัชกาลที่ 6และยังมีศิลปกรรมแบบไทยประดับอยู่ทั่ว ศิลปะแบบจีน เห็นได้จากปูนประดับลายมังกร อยู่ที่บริเวณเชิงบันไดขึ้นพระอุโบสถ ศิลปะยุโรป ดูได้จากเสาแบบโรมันที่มีอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกพระอุโบสถ ส่วนศิลปะแบบเขมร เห็นได้จากซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสถทั้งสี่ด้าน ที่ด้านหน้าของพระอุโบสถ มีอาคารเรียนหนังสือไทยและนักธรรมบาลี สร้างเป็นอาคารคอนกรีตตามสถาปัตยกรรมยุโรป มีสถูปโดมอยู่ด้านบน ซึ่งปัจจุบันได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์สถานวัดแก้วพิจิตร พิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่รวบรวมเราสิ่งของต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งสิ่งของเก่า เครื่องใช้ไม้สอย รวมถึงมีการรวบรวมคำสุภาษิตไทยไว้ตามมุมต่างๆ ด้วย