จากบันทึกของมิสชันนารีและคำบอกเล่าของผู้สูงอายุว่า บรรพบุรุษของชาวบ้านนาบัวส่วนหนึ่งอพยพมาจากเมืองเขมราฐและเมืองยโสธร จังหวัดอุบลราชธานีสมัยนั้น และมาตั้งรกรากบ้านเรือนปะปนกับชาวบ้านเดิมที่ตั้งอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งบริเวณแถบนี้สันนิฐานว่าเป็นบ้านเมืองเก่าของพวกขอมโบราณหรือพวกข่า ต่อมาชาวบ้านเกิดเจ็บป่วยและล้มตายกันมากจึงมีความเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของผีร้ายเป็นเหตุให้เกิดความกลัว เมื่อทราบว่ามีหมอสอนศาสนาฝรั่งไม่กลัวผี หากถ้าใครได้เข้ารีตกับฝรั่ง ผีไม่สามารถทำอันตรายหรือรบกวนได้เลย จึงเกิดความสนใจไปติดต่อกับหมอมิชชันนารีที่บ้านกุดจอกใหญ่ ตำบลวาใหญ่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก หมอมิชชันนารีนั้นคือบาทหลวงอัลเฟรด รองแดล อธิการโบสถ์วัดนักบุญยอแซฟคำเกิ้ม จึงได้รับสมัครชาวบ้านนาบัวเพื่อเข้ารีตพระคริสต์ศาสนาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัดนี้ ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. ๑๘๘๘ โดยบาทหลวงอัลเฟรด รองแดล เป็นผู้บุกเบิกและก่อตั้งวัดนี้ ต่อมาบาทหลวงอัลเฟรด รองแดลได้มอบหมายให้บาทหลวงเปโตร จานพิมพ์ไปสอนคำสอนแก่ชาวบ้านนาบัว ต่อมาก็มีบาทหลวงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาอยู่ประจำเพื่อเผยแพร่คำสอน มีผู้คนที่เคยนับถือศาสนาพุทธก็มาเข้ารีตทางศาสนาคริสต์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกลัวผีปอบ และบางรายถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบอยู่รวมกับคนอื่นไม่ได้ สำหรับตัวอาคารวัดได้สร้างหลังแรกขึ้นชั่วคราวที่บริเวณบ้านนายลิขิตฯ โดยบาทหลวงกองเต ต่อมาได้สร้างวัดหลังที่ ๒ ขึ้นด้วยไม้ที่บริเวณสนามวัดปัจจุบัน ปี ค.ศ. ๑๙๒๐ บาทหลวงยวง สต็อกแกร์ อธิการโบสถ์ได้สร้างวัดหลังที่ ๓ ซึ่งทำด้วยไม้หลังคามุงแฝก ชาวพุทธที่มาอยู่บ้านนาบัวได้เรียนคำสอนและได้รับศีลล้างบาป เป็นคริสตชนที่ดีและศรัทธาสืบต่อมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ปี ค.ศ. ๑๙๓๒ บาทหลวงบัปติสต์แท่ง ยวงบัตรี อธิการโบสถ์ เป็นเวลา ๑๘ ปีได้พัฒนาวัดและหมู่บ้านให้เจริญก้าวหน้าโดยได้ตัดถนนและวางผังหมู่บ้านอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ปี ค.ศ. ๑๙๖๖ บาทหลวงปีแอร์ โกลาส์ มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส มาเป็นอธิการโบสถ์ ได้นำชาวบ้านสร้างวัดหลังที่ ๔ ด้วยไม้ โดยสร้างอย่างประณีตสวยงามมาก ทดแทนหลังเก่าที่ทรุดโทรมใช้ไม่ได้ พร้อมกับได้สร้างบ้านพักบาทหลวงและบ้านซิสเตอร์ เป็นอธิการโบสถ์นาน ๑๒ ปี ต่อมาปี ค.ศ. ๑๙๘๕ บาทหลวงสมพร อุปพงศ์ เป็นอธิการโบสถ์ ท่านได้สร้างโรงเรียนคำสอนและถังน้ำขนาดใหญ่สำหรับเก็บกักน้ำฝนเพื่อเอาไว้ใช้ในฤดูร้อน ปี ค.ศ.๑๙๘๘ บาทหลวงมีคาแอลทวีศิลป์ พงศ์พิศ อธิการโบสถ์ ได้มีการก่อสร้างศาลาประชาคม ปี ค.ศ.๑๙๙๓ บาทหลวงมีคาแอลวีรพงษ์ มังกาย อธิการโบสถ์ได้สร้างกำแพงและซุ้มประตูทางเข้าวัด ต่อมาปี ค.ศ. ๑๙๙๘ บาทหลวงสมยศ พาพรหมฤทธิ์ อธิการโบสถ์แต่ต้องเดินทางไปกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิฟปินส์เพื่อทำปริญญานิพนธ์ และต่อมามีการประชุมสภาอภิบาลวัดเห็นว่าพื้นที่ที่จะสร้างวัดหลังใหม่เล็กไปจึงได้ขุดและจัดทำสระแดง เพื่อจะเอาดินมาถมเพิ่มพื้นที่ให้ใหญ่และกว้างขึ้น ในปี ค.ศ. ๑๙๙๙ ได้เริ่มตอกเสาเข็มวัดหลังใหม่และแล้วเสร็จในปีถัดมา วัดพระคริสตประจักษ์นาบัว บ้านนาบัว หมู่ที่ ๒ ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร มีพื้นที่ประมาณ ๑๐ ไร่ มีบาทหลวงเป็นผู้ดูแลและอธิการโบสถ์มาแล้ว ๒๘ รูป มีสัตบุรุษประมาณ ๒,๐๐๐ คน ปัจจุบันบ้านนาบัวได้แบ่งการปกครองเป็น ๒ หมู่บ้านคือบ้านาบัว หมู่ที่ ๒ และบ้านนาบัวพัฒนา หมู่ที่ ๑๑ ทั้งสองหมู่บ้านจะนับถือศาสนาคริสต์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนหนึ่งก็จะมีลูกเขยหรือสะใภ้ที่มาจากที่อื่นมาอาศัยอยู่และเข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็ยังมีส่วนน้อยที่ยังนับถือศาสนาพุทธก็ต้องไปเข้าวัดรุ่งพนาไพรที่ตั้งอยู่ไกลจากหมู่บ้านนี้ ประมาณ ๑ กม. (ผู้ให้ข้อมูลบาทหลวงดาเนียสขวัญ ถิ่นวัลย์ อธิการโบสถ์วัดพระคริสตประจักษ์นาบัว บ้านนาบัว ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร)