ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 14° 12' 13"
14.2036111
Longitude : E 101° 13' 1.9999"
101.2172222
No. : 173206
ที่ว่าการอำเภอเมืองนครนายก
Proposed by. tape Date 14 December 2012
Approved by. นครนายก Date 25 December 2012
Province : Nakhon Nayok
0 1173
Description

ประวัติความเป็นมา

เมืองนครนายกนี้จะตั้งมาแต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานการตรวจสอบเป็นเมืองเก่าแก่ มีความสำคัญ

ตั้งแต่ครั้งโบราณการ ปรากฏชื่อเสียงอยู่ในประวัติศาสตร์ของไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเป็นเมืองหน้าด่านทางตะวันออก ระยะทางไปมาถึงกรุงศรีอยุธยาได้ภายใน 2 วัน แม้ในสมัยนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองโภคทรัพย์ของประเทศไทยภาคกลาง มีการติดต่อกรุงเทพได้ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยที่เมืองนี้เป็นเมืองหน้าด่านตามประวัติศาสตร์ กำแพงเมืองยังมีเหลืออยู่เป็นประจักษ์พยาน กำแพงมี 2 ชั้น ชั้นนอกเป็นกำแพงดิน ชั้นในเป็นกำแพงอิฐ มี 3 ด้าน คือ:- ด้านตะวันออก ด้านเหนือ และด้านตะวันตก ด้านใต้ไม่มี คงจะถือว่ามีลำน้ำนครนายกกั้นอยู่แล้ว จึงได้สร้างกำแพงด้านนั้น คนโบราณเรียกเมืองนี้ว่าเมืองอกแตก เพราะมีกำแพงเพียง 3 ด้าน เดิมกำแพงคงจะสร้างไว้สูงเพื่อป้องกันข้าศึกในสมัยนั้น และปรากฏตามประวัติศาสตร์ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช (เสวยราชครั้งที่ 1) มีอยู่ตอนหนึ่งว่าพระองค์ทรงปรึกษาว่าเมืองลพบุรี เมืองนครนายก เมืองสุพรรณบุรี 3 เมืองนี้คงจะร้างเสียหรือเอาไว้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระราเมศวรมหินทราธิราช กับมุขมนตรีพร้อมกันกราบทูลว่าจะให้ปรับหัวเมืองนั้นถ้ารับได้ก็จะเป็นคุณ ถ้ารับมิได้ข้าศึก ก็จะอาศัยให้รื้อกำแพงเสียดีกว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็บัญชาตามเข้าใจว่ากำแพงเมืองนครนายกคงถูกรื้อในสมัยนั้น และรื้อออกยังไม่หมดยังเหลืออยู่สูงบ้างต่ำบ้าง เมื่อราว พ.ศ. 2452 ซากกำแพงชั้นในยังปรากฏอยู่พอสังเกตได้ว่าแนวกำแพงเมืองอยู่ตรงไหน ที่มีของคำว่า “นครนายก” นั้น มีผู้เล่าต่อ ๆ กันมาว่า เมืองนี้ในสมัยโบราณเป็นพื้นที่ปกคลุมไปด้วยป่า ราษฎรอาศัยอยู่ก็มีจำนวนน้อย ข้าวปลาอาหารไม่ค่อยสมบูรณ์ ราษฎรจะทำไร่ไถนาต้องเสียค่าหางข้าวให้รัฐบาล (ค่านา) ราษฎรยากจนผลได้รับไม่พอกับที่เสียไป จึงเที่ยวหาแลกจากที่อื่นซึ่งอยู่ห่างไกล ต่อมาพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งในสมัยนั้น (สมัยใดไม่ปรากฏ) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกเว้นไม่ต้องเก็บค่าหางข้าวจากชาวนา ทรงอนุญาตให้ราษฎรทำนาในแถบพื้นที่ตามใจชอบ เมื่อข่าวอันนี้แพร่หลายออกไป ราษฎรชาวเมืองอื่นก็พากันอพยพครอบครัวเข้ามาตั้งถิ่นฐานภูมิลำเนาทำมาหากินในแถบที่ยกค่านานี้ ต่างก็เที่ยวจับจองการสร้างทำนาเป็นอาชีพราษฎรจึงพากันเรียกพื้นที่นี้ว่า “เมืองนครนายก” หรือ “นครนายก” เรียกสั้น ๆ ว่า ครยก (คอระยก) แม้เดี๋ยวนี้ชาวบ้านคนเก่า ๆ ยังเรียกเมืองนครนายก แต่ผู้เฒ่าบางคนค้านว่าไม่จริง รัฐบาลไม่เคยยกค่านาให้เมืองนี้ เว้นแต่ตำบลเขาใหญ่ในเขตอำเภอปากพลี สมัยนานมาแล้วรัฐบาลเคยยกค่านาให้จริง แต่ผู้ค้านก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นมาอย่างไรตำนานชื่ออำเภอ อำเภอนี้เดิมเรียกว่าอำเภอวังกระโจม เพราะตัวที่ว่าการตั้งอยู่ที่ตำบลวังกระโจม ริมแม่น้ำนครนายกฝั่งซ้ายระหว่าง วัดส้มป่อยกับวัดอินทาราม ตั้งอยู่ช้านานเพียงใดไม่มีหลักฐานตรวจสอบ ต่อมาราวปี พ.ศ. 2439 ทางการจึงจัดการรื้อถอนจากที่เดิมมาตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองริมแม่น้ำนครนายกฝั่งขวา สมัยนั้นพื้นที่ในกำแพงเมืองมี ป่าละเมาะ ราษฎรเข้าทำนาปลูกบ้านเป็นหย่อม ๆ บนกำแพงเมืองมีกอไผ่ขึ้นหนาแน่น เจ้าเมืองสมัยนั้นจึงสั่งให้ราษฎรที่อยู่ในกำแพง ย้ายบ้านเรือนออกไปอยู่นอกกำแพง เกณฑ์ราษฎรถากถางต้นไม้ปรับพื้นที่ให้เตียน สร้างสถานที่ราชการขึ้น ตัวที่ว่าการอำเภอก็ย้ายไปปลูกใหม่ ห่างจากที่เดิมราว 200 เมตร (คือข้างศาลจังหวัดนครนายกด้านตะวันออกปัจจุบัน) ต่อมาที่ว่าการอำเภอชำรุดทรุดโทรมประกอบกับกระทรวงยุติธรรมจะปลูกสร้างศาลจังหวัดขึ้นใหม่ตรงใกล้ ๆ กับที่ว่าการอำเภอ จึงได้เจรจากับกระทรวงมหาดไทยขอรื้อถอนที่ว่าการอำเภอเมืองนครนายก ในปี พ.ศ. 2474 และให้ยืมศาลใช้เป็นที่ว่าการอำเภอเรื่อยมาจนถึง พ.ศ. 2494 จึงได้รับงบประมาณให้ก่อสร้างที่ว่าการอำเภอขึ้นใหม่ตามแบบมาตรฐานที่ว่าการอำเภอชั้นตรี ถานที่ปลูกสร้างอยู่ระหว่างเรือนจำจังหวัดนครนายก กับวัดศรีเมือง ได้วางศิลาฤกษ์เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 สร้างเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2495 เจ้าหน้าที่ได้มาประจำทำงาน ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองหลังใหม่นี้ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2496

ที่มาของคำว่า “วังกระโจม” คนเก่าเล่าต่อกันมาว่าเมื่อนานมาแล้วมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยน้ำมาจากทางเหนือตามลำน้ำนครนายก แล้วมาวนเวียนอยู่ตรงคุ้งน้ำหน้าศาลเจ้าใกล้กับตลาดวังกระโจมแล้วจมลงที่นั่น ชาวบ้านจึงเรียกหมู่บ้านแถวนั้นว่า “บ้านวังพระจม” ต่อมาชาวบ้านเรียกชื่อนั้นเพี้ยนไปเป็น “บ้านวังกระโจม” ในราวปี พ.ศ. 2482 ทางการได้เปลี่ยนนามอำเภอเป็น “อำเภอเมืองนครนายก” เพราะเป็นอำเภอที่ตั้งจังหวัด ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2486 ทางการยุบจังหวัดนครนายกโอนการปกครองอำเภอนี้ไปขึ้นจังหวัดปราจีนบุรี จึงเปลี่ยนนามอำเภอเป็นอำเภอนครนายก จนถึงทุกวันนี้

Category
Cultural Unit
Location
อำเภอเมืองจังหวัดนครนายก
Amphoe Mueang Nakhon Nayok Province Nakhon Nayok
Details of access
นางสุพัตรา เปรมปรัชญา
Reference ณรงค์ศักดิ์ ตู้วงษา Email tape_boyza@hotmail.com
Organization สำนักงานวัฒนธรรม
Tambon นครนายก Amphoe Mueang Nakhon Nayok Province Nakhon Nayok ZIP code 26000
Tel. 037-315050 Fax. 037-321442
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
No comment.
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่