ประวัติความเป็นมา
บุญบั้งไฟหรือบุญเดือนหก ทำเพื่อเป็นการบูชาเทพยดาอารักษ์หลักบ้านหลักเมือง เพื่อให้ฟ้าฝนตกตามฤดูกาล เพื่อให้ทำไร่ทำนาได้อุดมสมบูรณ์ และบูชาพญาแถนผู้ให้ฝนด้วยบั้งไฟ ความหมายบั้งหรือกระบอก
ที่ตอกด้วย หมื่อ หมายถึงเอากำมะถัน ประกอบด้วยดินประสิวคั่วผสมกับถ่านตำให้ละเอียดก่อนนำไปอัดแน่น
สาเหตุที่ทำเพื่อเป็นการสักการะบูชาพระยาแถน ซึ่งคนลาวและคนไทยอีสานเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฝน
ถ้าได้จุดบั้งไฟขึ้นไปบูชาเทพเจ้าองค์นี้แล้วจะบันดาลให้ฝนตกลงมา ตามฤดูกาลและมีปริมาณเพียงพอแก่
การปลูกพืชพันธุ์ ธัญญาหาร มีเรื่องเล่าว่า ณ บนสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพบุตรนามว่า วัสสกาลเทพบุตร เทพเจ้าองค์นี้เป็นผู้ดูแลน้ำฟ้า น้ำฝน จะตกหรือไม่ก็อยู่ที่เทพเจ้าองค์นี้ ใครทำถูก ทำชอบ ท่านก็จะประทานน้ำฝนให้ ใครทำไม่ถูกไม่ชอบท่านก็ไม่ให้ สิ่งที่ท่านเทพเจ้าองค์นี้ชอบคือการบูชาไฟ ใครบูชาไฟถือว่าบูชาท่านจะทำให้ฟ้าฝนตอลงมาตามฤดูกาล อาศัยเหตุนี้คนจึงพากันทำ การบูชาไฟด้วยการทำบั้งไฟ คือ เป็นประเพณีทำบุญบั้งไฟมาจนทุกวันนี้
บุญบั้งไฟตำบลวาใหญ่ชาวบ้านวาใหญ่มีการทำบั้งไฟขนาดเล็ก จุดบูชาพญาแถนและจุดเล่นเพื่อความสนุกสนานมานานแล้ว จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงปู่สีลา อิสโร เจ้าอาวาสวัดป่าอิสระธรรมในขณะนั้น
ได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๑๐ เมื่อครบรอบวันมรณภาพก่อน ๑ วัน คือ วันที่ ๑ มิถุนายน ของทุกปี ชาวบ้านจะลงมาที่วัดเพื่อจัดเตรียมงาน ทำความสะอาดสถานที่ เพื่อทำบุญครบรอบวันมรณภาพของหลวงปู่ ในระหว่างการเตรียมงาน มีการจัดหากิจกรรมต่างๆทำ เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน ชาวบ้าน
ส่วนหนึ่งได้ทำบั้งไฟขนาดเล็กมาจุดเพื่อบูชาพญาแถน เนื่องจากใกล้ฤดูทำนา ถ้าบั้งไฟขึ้นสูงก็แปลว่าฝนฟ้า ข้าวปลา อาหารจะอุดมสมบูรณ์ดีก็จะพากันเลี้ยงฉลองรื่นเริงกันในหมู่ผู้ที่ไปร่วมงาน ถ้าบั้งไฟแตก หรือไม่ขึ้น
ก็หมายความว่าฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล เป็นต้น ทั้งเป็นสัญญาณให้ชาวบ้านในหมู่บ้านได้มาจัดเตรียมงาน
ที่วัด และเพื่อความสนุกสนาม มิได้มีการแข่งขันหรือประกวดแต่ประการใด หลังจากจุดบั้งไฟเสร็จใน
ตอนเย็นที่วัดจะมีการฟังธรรมเทศนา เป็นการชักชวนให้คนเข้าวัดอีกทางหนึ่ง จึงมีการจุดบั้งไฟที่วัดในวันที่
๑ มิถุนายน ของทุกปี จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้มีการรื้อฟื้นประเพณีบุญบั้งไฟให้เป็นระบบมากขึ้น โดยเริ่ม
มีขบวนแห่บุญบั้งไฟลงไปที่วัด มีการแข่งขันระหว่างคุ้มเฉพาะในหมู่บ้านวาใหญ่ และในปี พ.ศ. ๒๕๒๑
มีหมู่บ้านต่างๆ ในตำบลวาใหญ่เข้าร่วมการแข่งขัน และจากอำเภอใกล้เคียง ได้แก่ บ้านอุ่มเหม้า อำเภอพังโคน
อัตลักษณ์(เอกลักษณ์)จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
๑) บุญบั้งไฟตำบลวาใหญ่ เป็นตำบลเดียวในอำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ที่ยังสืบทอดประเพณีบุญบั้งไฟ
๒) การตกแต่งขบวนบั้งไฟมีเอกลักษณ์ โดยนำผ้าย้อมครามมาใช้ในการประดับตกแต่ง
๓) มีริ้วขบวนแห่บั้งไฟเป็นจำนวนมาก โดยจากหมู่บ้านต่างๆในเขตตำบลวาใหญ่ ๑๔ หมู่บ้าน
และจากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมอีก ๘ ขบวน รวมเป็น ๒๒ ขบวน
๔) มีผู้มาเที่ยวชมงานจำนวนมากจากตำบลและอำเภอใกล้เคียง
การสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ
ในปี ๒๕๕๕ องค์การบริหารส่วนตำบลวาใหญ่สนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๙๐,๐๐๐ บาท
(เก้าหมื่นบาทถ้วน) และหมู่บ้านต่างๆสมทบงบประมาณในการจัดประเพณีในแต่ละปี
๑.๔ ความสัมพันธ์กับชุมชน
๑) ในวันที่ ๑ มิถุนายน ของทุกปี นอกจากประเพณีบุญบั้งไฟแล้ว ยังเป็นวันรวมญาติของชาวตำบล
วาใหญ่อีกด้วย ลูกหลานที่ไปทำงานต่างจังหวัด จะกลับมาร่วมประเพณีกันอย่างพร้อมเพรียง
๒) บุญบั้งไฟ ก่อให้เกิดสำนึกรักบ้านเกิด สร้างความสามัคคีในหมู่บ้าน ชุมชน ทุกเพศ ทุกวัย
๓) เป็นการสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นไม่ให้สูญหาย
๔) เป็นกลอุบายชักชวนให้คนเข้าวัดฟังธรรม เนื่องจากในวันที่ ๒ มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันครบรอบ
การมรณภาพของหลวงปู่สีลา อิสโร หลังเสร็จจากประเพณีบุญบั้งไฟแล้ว ในคืนวันที่ ๑ มิถุนายน ชาวบ้านจะเข้าวัดฟังธรรมเทศนา และเช้าวันที่ ๒ มิถุนายน จะทำร่วมกันบุญตักบาตรและถวายภัตตาหารพระที่วัด