ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 15° 2' 50.325"
15.0473125
Longitude : E 104° 25' 6.2015"
104.4183893
No. : 193538
รำตำต๊ะ
Proposed by. ศรีสะเกษ Date 8 April 2021
Approved by. ศรีสะเกษ Date 30 June 2021
Province : Si Sa Ket
0 1111
Description

รำตำต๊ะ เป็นศิลปะการแสดงที่บ่งบอกถึงชุมชนเผ่าส่วย ที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมการประกอบอาชีพตีเหล็ก ออกมาเป็นศิลปะการแสดงที่สวยงาม และสามารถเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้ชื่นชมและรู้จักกันอย่างภาคภูมิใจในความเป็นเผ่าส่วย

ประวัติความเป็นมา

“ตำต๊ะ” เป็นภาษาส่วย ตำ แปลว่า ตี, ต๊ะ แปลว่า เหล็ก รวมความแล้ว หมายถึง การตีเหล็ก ในวิถีชีวิตชาวบ้านตะดอบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวบ้านมีอาชีพหลักคือการทำนา หลักจากหมดฤดูทำนาแล้ว ชาวบ้านจึงจะหันมาตีเหล็กเป็นอาชีพรอง ซึ่งการตีเหล็กของชาวบ้านตะดอบนี้มีชื่อเสียงเพราะใช้เหล็กกล้าอย่างดี ทำให้เครื่องใช้ที่ทำจากเหล็กมีคุณภาพสูง การตีเหล็กชาวตำบลตะดอบโดยทั่ว ๆ ไป มีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนที่ ๑ ขุดเอาดินโพน (ดินจอมปลอก) มาคลุกเคล้ากับแกลบสำหรับปั้นเตา

ขั้นตอนที่ ๒ บวงสรวงเจ้าที่เพื่อให้งานลุล่วงด้วยดี (มีผ้าผืน แพรวา เหล้าไห ไก่ตัว ขันธ์๕ ขันธ์๘)

ขั้นตอนที่ ๓ ก่อไฟโดยใช้ถ่าน

ขั้นตอนที่ ๔ การสูบลม (เป่าไฟเพื่อให้ถ่านแดงเต็มที่)

ขั้นตอนที่ ๕ นำเหล็กที่ตัดไว้มาเผาให้แดง

ขั้นตอนที่ ๖ นำเหล็กที่สุกเต็มที่ออกมาวางที่แท่นรองรับ

ขั้นตอนที่ ๗ ตีเหล็กให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ ตามที่ต้องการ

ขั้นตอนที่ ๘ ชุบเหล็กด้วยน้ำในหลุมเล็ก ๆ

ขั้นตอนที่ ๙ ตะไบเหล็กให้เกิดความคม เพื่อจะได้นำไปใช้หรือจัดจำหน่ายต่อไป

รำตำต๊ะ เป็นท่ารำที่เลียนแบบจากการตีเหล็กในสมัยโบราณ อาชีพตีเหล็กของชาวบ้านตะดอบโพนงาม นับว่าเป็นอาชีพหลักที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาชีพการทำนา เพราะผู้ชายที่ว่างเว้นจากการทำนา ก็จะจับกลุ่มกันประมาณ ๔ – ๕ คน มาประกอบอาชีพการตีเหล็ก เพื่อทำเป็นเครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือน ต่อมาชาวบ้านช่วยกันทำมีด เสียม เคียวได้มากขึ้นก็จะนำไปแลกอาหารหรือนำไปจำหน่ายเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ส่วนผู้หญิงเมื่อว่างจากฤดูทำนา ก็จะพากันทอผ้าและปั้นเครื่องดินเผาสำหรับเอาไว้ใช้ในครัวเรือน เมื่อสิ้นสุดฤดูทำนา ชาวบ้านได้ผลผลิต นำผลผลิตเก็บไว้ในยุ้งฉางเรียบร้อย ชาวบ้านก็จะมีประเพณีทำบุญต่าง ๆ มากมายตามเทศกาลประเพณีอีสาน ประเพณีที่ชาวบ้านสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน และเป็นประเพณีที่มีความสำคัญสำหรับอาชีพทำนา ประเพณีนั่นคือ ประเพณีบุญเดือนหก หรือประเพณีบุญบั้งไฟ ชาวบ้านตั้งใจทำถวายพญาแถน จึงมีการเอ้บั้งไฟอย่างสวยงาม และมีขบวนแห่ก่อนที่จะนำบั้งไฟไปจุด ซึ่งในขบวนแห่นี้ชาวบ้านได้แสดงท่ารำตามแต่ที่จะคิดได้ มีท่าเลียนแบบการตีเหล็กของช่างตีเหล็ก โดยอาศัยจังหวะดนตรีจากฉิ่ง ฉาบ กลอง เป็นจังหวะในการ่ายรำที่เป็นไปอย่างสนุกสนานเร้าใจแก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง

ปัจจุบัน วิถีการดำรงชีวิตของชาวบ้านตะดอบโพนงามได้เปลี่ยนแปลงไป ชาวบ้านส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจที่จะประกอบอาชีพการตีเหล็กเหมือนบรรพบุรุษ เพราะพวกเขาเห็นว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เสียเวลา ประกอบกับอาชีพการตีเหล็กมีขั้นตอนมากเกินไป เหล็กที่ใช้ในการตีเป็นของใช้ที่มีราคาสูง และถ่านที่ใช้เผาเหล็ก (ถ่านชนิดพิเศษ) หายากมาก ตลอดกับเครื่องมือเครื่องใช้ไม่ทันสมัย ผลิตได้น้อย ผู้ที่ไม่มีความรู้ความชำนาญจากการตีเหล็กอาจจะได้รับอันตรายได้ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ชาวบ้านนิยมออกไปประกอบอาชีพรับจ้างในตัวเมืองมากกว่า วิถีชีวิตของชุมชนก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ทุกคนแข่งขันกันทำงาน ไม่ค่อยเกื้อกูลและนิยมด้านวัตถุเหมือนชุมชนเมือง ประเพณีบางอย่างเลือนรางเกือบจะหายไปจากชุมชน

จากการที่ได้สัมผัสเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของชาวบ้านตะดอบโพนงาม ทำให้มีการคิดที่จะอนุรักษ์อาชีพการตีเหล็กไว้ให้อยู่คู่กับชุมชนตลอดไป และเพื่อต้องการให้ลูกหลานหรือเยาวชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความสามารถ และ ภูมิปัญญาของบรรพชนตนเองรวมไปถึงต้องการแสดงความเป็นเอกลักษณ์ถึงความสามารถ และภูมิปัญญาของบรรพชนตนเองรวมไปถึงต้องการแสดงความเป็นเอกลักษณ์ชองชุมชนในด้านอาชีพ จึงคิดท่ารำของชาวบ้านที่ใช้ในขบวนแห่บั้งไฟมาจัดเป็นระบบและรูปแบบให้สอดคล้องกับท่ารำมาตรฐาน ตามลักษณะของนาฏศิลป์ เพื่อนำไปใช้แสดงในเทศกาลต่าง ๆ ที่มีรูปแบบเป็นแนวเดียวกัน

คุณค่าและบทบาทของวิถีชุมชนที่มีต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

๑. คุณค่าของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญ

รำตำต๊ะ มีความเชื่อว่า การแสดงของท่ารำตำต๊ะ สามารถสะท้อนถึงขั้นตอนการตีเหล็กและวิถีการประกอบอาชีพที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาจนลูกหลาน สามารถถ่ายทอดเป็นท่ารำตำต๊ะถึงวิถีของดำรงชีวิตของชุมชนเผ่าส่วย ในการประกอบอาชีพตีเหล็กได้

๒.บทบาทของชุมชนที่มีต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

ชุมชนตำบลตะดอบ ยังมีการให้ความสำคัญกับรำตำต๊ะ ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงประจำเผ่าส่วยบ้านตะดอบ โดยการนำรำตำต๊ะต้อนรับแขกที่มาเยือน และให้ความสำคัญกับรำตำต๊ะ ดังนี้

การรำตำต๊ะเริ่มมีขึ้น เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยการนำของ นายวิศิษฐ์ ศักดิ์เทวินทร์ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านตะดอบ และนายชวินทร์ ศรีโสดา ตำแหน่ง ครูผู้สอน ได้คิดท่ารำเซิ้งใช้จังหวะของกลองยาวประกอบท่ารำ และได้นำไปแสดงในงานเทศกาลต่าง ๆ จนเป็นที่รู้จักทั่วไปในจังหวัดศรีสะเกษ

เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ นายพิชิต หงส์โสภา ศึกษานิเทศก์สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ ได้เชิญ นายชวินทร์ ศรีโสดา ไปเป็นวิทยากรฝึกซ้อมท่ารำเซิ้งตำตะ ให้นักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ เพื่อนำไปแสดงในกิจกรรมชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๕ ที่จังหวัดชลบุรี

ต่อมาคณะครูโรงเรียนบ้านตะดอบ โดยการนำของ นายไกรฤกษ์ กันหาฤกษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตะดอบ ได้เล็งเห็นว่า การรำตำต๊ะ น่าจะมีการอนุรักษ์ไว้เป็นนาฏศิลป์พื้นบ้านไว้ให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงวิถีชีวิตชาวบ้าน ตะดอบ จึงได้ประยุกต์ท่ารำตำต๊ะขึ้นใหม่ให้ทันสมัย โดยได้เชิญอาจารย์สุภางค์รัตน์ จารุภูมิ ครูโรงเรียนวัดพระโตมาเป็นวิทยากร และจัดทำดนตรีประกอบท่ารำซึ่งต่างจากการรำเซิ้งตำตะอันเดิม แต่ท่ารำที่ประยุกต์ขึ้นใหม่นี้ยังคงเลียนแบบท่าทางการตีเหล็กไว้เกือบทุกขั้นตอน

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้นำรำตำต๊ะเข้าแข่งขันงานทักษะและสิ่งประดิษฐ์งานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประเภทนาฏศิลป์พื้นบ้าน ของสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ ผลการแข่งขันได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๑ และในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้นำรำตำต๊ะเข้าแข่งขันงานทักษะและสิ่งประดิษฐ์งานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประเภทนาฏศิลป์พื้นบ้านอีกครั้งผลการแข่งขันได้รับรางวัลชนะเลิศ ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติประวัติ แก่โรงเรียนเป็นอย่างยิ่ง และต่อมาโรงเรียนได้รับการประสานให้นำรำตำต๊ะไปแสดงในงานต่าง ๆ ทั้งในระดับโรงเรียน ระดับตำบล ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด เช่น เทศกาลงานผลไม้เงาะ-ทุเรียนของจังหวัดศรีสะเกษ แสดงพิธีเปิดงานกีฬาการแข่งขันท้องถิ่นสัมพันธ์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ พิธีเปิดงานกีฬากลุ่มโรงเรียน เป็นต้น

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ อำเภอเมืองศรีสะเกษ ได้คัดเลือกให้โรงเรียนเป็นตัวแทนเผ่าส่วย นำรำตำต๊ะไปร่วมแสดงในงานเทศกาลสืบสานประเพณีสี่เผ่าไทย และได้รับการคัดเลือกให้ร่วมแสดงประกอบ แสง สี เสียง ในภาคกลางคืนก่อนการแสดงละครศรีพฤทเธศวร เป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะกรรมการลูกเสือจังหวัดศรีสะเกษ โดยตัวแทนลูกเสือ-เนตรนารีของจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำรำตำต๊ะไปแสดงในงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ ๒๐ ที่หาดลาดยาว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

การส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

- โรงเรียนตะดอบวิทยา ซึ่งเป็นสถานศึกษาระดับประถมศึกษา (ขยายโอกาส) ในท้องถิ่นมีการส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่เป็นศิลปะการแสดงของท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง

- หน่วยงานด้านวัฒนธรรมและด้านการศึกษาได้ส่งเสริมกิจกรรมเกี่ยวกับ “รำตำต๊ะ” อย่างต่อเนื่องและให้มีการเผยแพร่ศิลปะการแสดงในพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียง

- องค์การบริหารส่วนตำบลตะดอบให้การสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนในการจัดแสดง “รำตำต๊ะ” อย่างต่อเนื่องทุกปีและมีการขยายผลในรูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนหรือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

- สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษมีการจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อจัดพิมพ์เป็นเอกสารวิชาการ

การส่งเสริม สนับสนุนจากหน่ายงานภาครัฐ หรือภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม (ถ้ามี)

จังหวัดศรีสะเกษ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และ ภาคเอกชน เช่น สภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ หอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต ๑ สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองศรีสะเกษ และ องค์การบริหารส่วนตำบลตะดอบ ได้มีการส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมเกี่ยวกับศิลปะการแสดงรำตำต๊ะอย่างต่อเนื่องทุกปี ทั้งที่เป็นศิลปะการแสดงและการจัดทำเอกสารวิชาการ

การถ่ายทอดความรู้และปัจจัยคุกคาม

ในปัจจุบันศิลปะการแสดงรำตำต๊ะยังมีการสืบทอด ถ่ายทอด และรักษาปฏิบัติสืบกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแสดงในงานประเพณีที่สำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง และได้มีการปรับปรุงท่ารำให้สอดคล้องเหมาะสมกับยุคสมัย โดยการปรับปรุงรูปแบบท่ารำ การแต่งกาย และอุปกรณ์ประกอบการรำที่สวยงาม

Location
โรงเรียนตะดอบวิทยา
Moo ตะดอบ
Tambon ตะดอบ Amphoe Mueang Si Sa Ket Province Si Sa Ket
Details of access
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ
Amphoe Mueang Si Sa Ket Province Si Sa Ket ZIP code 33000
Tel. 045-617811 Fax. 045-617812
Website https://www.m-culture.go.th/sisaket
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
No comment.
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่