น้ำพริกกะสัง อำเภอตาพระยา “๑ จังหวัด ๑ เมนู เชิดชูอาหารถิ่น”
ประวัติความเป็นมา :บ้านกะสัง ตำบลทัพไทย อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว มีประชากรราวประมาณ 400 คน เป็นหมู่บ้านในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา และความเชื่อทางขนบธรรมเนียม โบราณประเพณีขอมเป็นส่วนใหญ่ แรกเริ่มนั้น มีการอพยพผู้คนมาจากทางจังหวัดนครราชสีมาและพื้นที่อื่นๆ ทำให้ในพื้นที่มีการใช้ภาษาในการสื่อสารที่มีสำเนียงของทางโคราชและเขมรปะปนอยู่โดยทั่วไป โดยมีเรื่องเล่าของการก่อตั้งหมู่บ้านมาแต่โบราณ เชื่อกันว่าสมัยก่อน จะมีต้นกะสังขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ และมีสระน้ำแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางการคมนาคม ระหว่างเดินทางก็จะมีการพักผ่อนและหยุดพักกินน้ำบริเวณสระน้ำขนาดใหญ่นี้ ประกอบกับมีต้นกะสังใหญ่ จึงมีการเรียกขานบริเวณที่ตั้งแห่งนี้ว่าบ้านกะสัง จนมาเป็น บ้านกะสังในปัจจุบัน ซึ่งในพื้นที่มีต้นกะสังจำนวนมาก
การเริ่มบริโภคหรือนำลูกกะสังมาประกอบอาหาร ไม่ปรากฏแน่ชัดว่ามีมาแต่เมื่อใด แต่สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่แรกเริ่มสมัยบรรพบุรุษ โดยเป็นการประกอบอาหารซึ่งใช้ส่วนประกอบในพื้นที่ และเป็นอาหารที่ปรุงง่ายใช้ต้นทุนต่ำ เนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญ วิถีชีวิตการประกอบอาหารจึงเรียบง่ายใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายในพื้นที่ แต่มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ
วัตถุดิบและเครื่องปรุง :ต้นกะสังและลูกกะสัง เป็นต้นไม้ยืนต้นซึ่งพบได้มากเป็นพิเศษในพื้นที่เขตอำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว แต่สามารถพบได้บ้างในเขตอำเภออื่นๆ หรือภูมิภาคอื่นๆ ผลกะสังมีสีเขียวคล้ายผลมะนาวกลม มีขนาดประมาณ 2.5 นิ้ว หรือประมาณ 1กำปั้น เมื่อแก่จัดจะมีสีน้ำตาล เปลือกแข็งและหนามากมีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร มีเมล็ดจำนวนมาก สามารถนำมาเพาะพันธุ์ต่อได้ อีกทั้งส่วนผลมีรสเปรี้ยวนำมาใช้ปรุงรสแทนมะนาวหรือประกอบอาหารได้ทั้งการทำน้ำพริกกะสัง หรือใส่ในอาหารอื่นๆ เช่น แกงต่างๆ หรือต้มเห็ด ต้มปลา
นอกจากนั้น สามารถนำมาใช้ได้เกือบทั้งต้น ทั้งนำมาเป็นอาหาร ส่วนผสมของยาบรรเทาอาการต่าง ๆ นอกจากจะได้ความสวยงามจากการนำมาทำเป็นไม้ประดับที่มีความงามแล้วนั้น ยอดอ่อนและใบอ่อน สามรถทานสดหรือนำมาปิ้งให้หอมก่อนทานได้ เปลือกสามารถต้มน้ำรับประทาน และใช้รักษาโรคตาเปื่อย ตาอักเสบ ในวัว กระบือ ได้
ส่วนประกอบในน้ำพริกกะสังเหล่านี้ สามารถรับประทานได้ทุกวัย โดยสามารถปรับลดปริมาณสัดส่วนของส่วนผสม แต่ละอย่างลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน แต่ละครัวเรือน จึงสามรถบริโภคได้โดยทั่วไป ตามปริมาณที่เหมาะสม
ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม :ต้นกะสัง เป็นต้นที่เกิดและเติบโตได้เองในธรรมชาติ ซึ่งมีมากบริเวณพื้นที่อำเภอตาพระยา แต่ก็สามารถที่จะทำการปลูกได้ แต่เนื่องจากต้นกะสังจะมีขนาดต้นที่สูงและมีหนามแหลม จึงไม่นิยมปลูกในบ้าน โดยต้นกะสังส่วนใหญ่จะอยู่ตามป่าและทุ่งนาของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันอนุรักษ์ต้นกะสังไม่ให้สูญหายไปจากชุมชน จะไม่ตัดต้นกะสังทิ้ง หรือทำลายทิ้ง แต่จะปล่อยไว้ให้เจริญเติบโตไปตามธรรมชาติ เพราะอนาคตจะสามารถนำผลผลิตของต้นกะสังมาใช้ในการประกอบหาร และเป็นพืชสมุนไพรได้ โดยสามารถใช้ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ ราก เปลือกลำต้น ใบ และผลของลูกกะสัง ต้นกะสังบางต้นสูงได้ถึง 10 เมตร และมีอายุยืนนานถึง 50-60 ปีเลยทีเดียว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :นางไพลวรรณ พูพิลึก ๐๖๕-๕๔๐-๙๖๑๒