ประวัติ :
พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบฝ่ายธรรมยุต สายวิปัสสนากัมมัฏฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปฏิปทาของพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นที่ศรัทธาของศิษยานุศิษย์และบุคคลทั่วไปทั้งในจังหวัดอุดรธานี และละแวกใกล้เคียง รวมทั้งในภูมิภาคอื่นๆ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ชาตะเมื่อวันอังคาร ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีขาล พ.ศ.2445 ณ บ้านดอนเงิน ตำบลแชแล อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โยมบิดาชื่อ ภูมีใหญ่ โยมมารดาชื่อ นางบุญมา โยมบิดาเคยบวชเป็นพระภิกษุอยู่ 14 พรรษา แล้วครอบครัวให้ลาสิกขามาแต่งงานกับโยมมารดา โยมบิดาเป็นผู้มีความรู้ เคยดำรงตำแหน่งเป็น “เมืองกลาง” ผู้ช่วยเจ้าศักดิ์ฝ่ายขวา คือ ปู่ของพระอาจารย์อ่อน โยมบิดามีความรู้ในภาษาขอม บาลี แปลพระปาติโมกข์ได้ชำนาญมาก ถิ่นฐานเดิมอยู่ที่ร้อยเอ็ด โยมบิดาพาครอบครัวอพยพมาอยู่ที่บ้านดอนเงิน ตำบลแชแล อำเภอ กุมภวาปี เพื่อหาดินดำน้ำชุ่ม โยมบิดามีฐานะดี มีนา 8 ทุ่ง ทำนา ค้าขาย เลี้ยงหม่อนไหม
อายุ 16 ปี ขออนุญาตโยมมารดาบวชเป็นสามเณรที่วัดจอมศรี บ้านดอนเงิน มีพระอาจารย์สมุห์สี (พระพิทักษ์คุณาธร) เป็นอุปัชฌาย์ เรียนอักขระ อ่านอักษรขอม อักษรธรรม บาลีออก เขียนได้ ขอลาโยมบิดา มารดาไปศึกษาต่อที่กรุงเทพ โยมมารดาไม่อนุญาตให้ไป บวชเป็นสามเณรในสายธรรมยุต ต่อมาอายุครบบวช โยมมารดาบวชให้ มีพระอาจารย์จันทร์ เจ้าคณะอำเภอเป็นอุปัชฌาย์ บวชในมหานิกาย เมื่อปี พ.ศ.2464 พ.ศ.2465 ออกไปธุดงค์กับพระอาจารย์สุวรรณ ไปอยู่ที่วัดป่าอรัญญิกาวาส อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย พ.ศ.2466 รู้ข่าวว่าพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านค้อ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ไปกราบนมัสการหลวงปู่ใหญ่ทั้งสองที่วัดป่าบ้านค้อกับพระอาจารย์สุวรรณ และขอถวายตัวเป็นศิษย์ศึกษาธรรมะกับหลวงปู่ใหญ่มั่น หลวงปู่รับไว้ให้อยู่ด้วย แต่ไม่ให้สวดญัตติเป็นธรรมยุต
พ.ศ.2467 จำพรรษาที่วัดป่าบ้านค้อกับหลวงปู่ใหญ่ทั้งสอง 1 พรรษา ท่องปาติโมกข์และนวโกวาทได้คล่องแคล่ว หลวงปู่ใหญ่มั่นจึงอนุญาตให้ไปญัตติเป็นธรรมยุตที่วัดโพธิสมภรณ์ พร้อมพระอาจารย์อุ่น มีพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธโล) เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์เป็นอุปัชฌาย์ เมื่อญัตติธรรมยุตแล้วก็กลับไปอยู่ที่วัดป่าบ้านค้อกับหลวงปู่ใหญ่ทั้งสอง เมื่อเข้าพรรษาลาไปจำพรรษาที่วัดป่าอรัญญิกาวาส อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย พ.ศ.2468 หลวงปู่ใหญ่มั่นให้กลับไปอยู่กับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ที่วัดป่าอากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร พ.ศ.2496 - 2470 พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ไปจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล ที่วัดหัวตะพาน อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี แล้วย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหัวงัว ตำบลไผ่ช้าง จังหวัดยโสธร
พ.ศ.2470 - 2473 พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ไปจำพรรษาที่วัดตำบลสาวัตถี อำเภอพลับ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ.2474 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระเทพเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา มีคำสั่งให้พระกัมมัฏฐานที่อยู่จังหวัดขอนแก่นไปที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อไปอบรมเทศนาสั่งสอนข้าราชการและประชาชน พ.ศ.2475 พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล และพระสหจรหลายรูป มีพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร พระอาจารย์ภูมี จิตธมฺโม ไปอยู่ที่นครราชสีมา พ.ต.ต.หลวงชาญนิยมเขต (พร ศรีรับสุข) ถวายที่ดิน 80 ไร่ สร้างเป็นวัดปาสาลวัน ให้พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล และพระภิกษุทั้งหลายที่ติดตามไปจำพรรษา เมื่ออยู่อบรมสั่งสอนธรรมะที่นครราชสีมาอยู่ระยะหนึ่งพระสหจรหลายรูปก็ออกไปสร้างวัดป่าตามอำเภอต่างๆ ที่นครราชสีมา เพื่อเผยแพร่ พระศาสนา เช่น ที่อำเภอกระโทก อำเภอจักรราช อำเภอท่าช้าง พระอาจารย์อ่อน พระอาจารย์ฝั้น พระอาจารย์กงมา ไปสร้างวัดป่าบ้านใหม่สำโรง ชื่อวัดป่าสว่างอารมณ์ และพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ อยู่เผยแพร่พระศาสนาที่วัดป่าสาลวันถึง 12 ปี
พ.ศ.2483 พระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ขึ้นไปนิมนต์หลวงปู่ใหญ่มั่น ที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้มาจำพรรษาที่วัดป่าโนนนิเวศน์ และวัดป่าบ้านหนองน้ำเค็ม จังหวัดอุดรธานี อยู่ 3 ปี พ.ศ.2485 หลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ออกไปจำพรรษาที่บ้านโคกนามน ตำบลหนองโขบ จังหวัดสกลนคร จนปี พ.ศ.2488 ท่านย้ายไปจำพรรษาที่วัดหนองผือ ตำบลนาใน จังหวัดสกลนคร พ.ศ.2486 พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ได้ขอลาพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม มาจำพรรษาที่วัดป่าไผ่ดอนเงิน เพื่อโปรดญาติโยมของท่าน เมื่อออกพรรษาแล้วท่านก็กลับไปอยู่ที่วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ.2488 พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ออกจากวัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา ไปนมัสการหลวงปู่ใหญ่มั่นที่วัดป่าหนองผือ ตำบลนาใน และท่านได้ไปสร้างวัดป่าที่บ้านหนองโคก อำเภอพรรณานิคม ใกล้วัดป่าหนองผือ เพื่อฝึกหัดคนที่มาศึกษาภาวนา ช่วยแบ่งเบาภาระของปู่ใหญ่มั่น
พ.ศ.2492 หลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต อาพาธหนัก ท่านได้เข้ารับการรักษาอยู่ที่วัดป่าสุทธาวาส และมรณะที่วัดนี้ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ได้อยู่ปฏิบัติหลวงปู่ใหญ่มั่นจนมรณภาพ และเป็นกำลังสำคัญในการถวายเพลิงหลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ในปี พ.ศ.2493 พ.ศ.2493 หลังจากถวายเพลิงหลวงปู่ใหญ่มั่นแล้ว พระอาจารย์อ่อนออกไปวิเวกที่อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี จำพรรษาที่เขาย้อย 1 พรรษา แล้วกลับมาช่วยพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ที่วัดป่าสาลวัน สร้างกุฏิ หล่อพระประธาน 2 องค์ เมื่อพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม (พระญาณวิศิษฎ์วิริยาจารย์) ได้มรณภาพไป ทางการสงฆ์จึงแต่งตั้งพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ 1 ปี จึงขอลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาส ด้วยปรารถนาจะออกวิเวก
พ.ศ.2496 พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธโล) ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ มีบัญชาให้ท่านกลับจังหวัดอุดรธานี เพื่อแสวงหาที่สร้างวัดป่าหลบภัยสงคราม พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ จึงกลับจังหวัดอุดรธานี และหาที่วิเวกสร้างวัดป่าได้ที่บ้านหนองบัวบาน ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี พ.ศ.2496 พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ สร้างวัดป่าบ้านหนองบัวบาน เป็นที่พอใจของพระธรรมเจดีย์ ได้ชื่อว่า วัดป่านิโครธาราม ท่านสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญขึ้น มีกุลบุตรที่บวชแล้วมาศึกษาธรรมะกับท่านมากมาย และในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านได้สร้างโบสถ์ขนาดใหญ่สองชั้น และหล่อพระประธานสำริดขนาดใหญ่ ศิลปเชียงแสน เมื่อผูกพัทธสีมา สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้เสด็จมาเป็นประธานผูกพัทธสีมา
พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2524 ด้วยโรคกระเพาะอาหาร และเส้นโลหิตในสมองอุดตัน ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร และถวายเพลิงเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2525 หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ได้สร้างถาวรวัตถุไว้ เช่น วัดป่าต่างๆหลายวัดและวัดป่านิโครธาราม ที่บ้านหนองบัวบาน ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เป็นศาสนสถานที่สำคัญของจังหวัดอุดรธานี และเป็นที่ปฏิบัติ หลวงปู่ได้อบรมสั่งสอนธรรมะประชาชนในละแวกนั้นให้ปฏิบัติชอบ ธรรมะที่ท่านเพียรพยายามอบรมสั่งสอนทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิตทั้งหลายก็เพื่อความหลุดพ้นทั้งสิ้น