ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 16° 45' 38.7385"
16.7607607
Longitude : E 104° 1' 32.2284"
104.0256190
No. : 125284
บ้านจอมศรี
Proposed by. kanyapat nangam Date 28 Febuary 2012
Approved by. mculture Date 21 March 2016
Province : Kalasin
1 918
Description

ประวัติความเป็นมา

ชาวผู้ไทยบ้านจอมศรี มีความเชื่อว่าถิ่นฐานเดิมของบรรพบุรุษอยู่แถบสิบสองจุไท น้ำน้องอ้อยหนู อพยพย้ายมาอยู่แถบเมืองแถง (เดียนเบียนฟู) แล้วย้ายมาอยู่ที่เมืองบกเมืองวัง จากนั้นก็อพยพเรื่อยมา การอพยพข้างฝั่งซ้ายมายังฝั่งขวาของแม่น้ำโขง สำหรับชาวผู้ไทยนั้นการอพยพแบ่งเป็น ๓ สายใหญ่ ๆ คือ

สายท้าวเพชร ท้าวสาย ข้ามมาตั้งบ้านเรือนอยู่เมืองเว (เรณูนคร) จังหวัดนครพนม สายท้าวลีโฮงกลาง ข้ามมาตั้งอยู่เมืองวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร สายราชวงศ์กอ ข้ามมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองกุดสิมนารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

การอพยพโยกย้ายทุกเส้นทาง มีความสัมพันธ์กัน แต่ในส่วนของบ้านจอมศรีนั้น

สันนิษฐานว่าน่าจะมีส่วนสัมพันธ์กับสายที่ ๓ ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาพร้อมกับชาวผู้ไทยกุดสิมนารายณ์ โดยชาวผู้ไทยบ้านจอมศรีได้แยกตัวเองออกมาตั้งบ้านหนองผือ ตำบลหนองผือ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์

จากหลักฐานที่กล่าวว่า ผู้ไทยในประเทศไทยข้ามมาจากเมืองต่าง ๆ ในแถบลุ่มแม่น้ำโขงทางทิศใต้แห่งแคว้นสิบสองจุไท เช่น เมืองบก เมืองวัง เมือเซโปน เมืองพิน เมืองนอง เมืองมหาชัย พวกเหล่านี้ถูกกวาดต้อนมาและติดตามพวกพี่น้องมาภายหลังก็มี ด้วยเกิดเหตุการณ์แห้งแล้งในท้องถิ่น ไม่สามารถประกอบการทำมาหากินได้สะดวก ชนเผ่าผู้ไทยที่อยู่ในอำเภอเขาวงในปัจจุบันนี้เดิมบรรพบุรุษอยู่เมืองวัง

เมื่อจุลศักราช ๑๒๐๓ ตรีศก (พ.ศ.๒๓๘๔) พระมหาสงคราม แม่ทัพกรุงเทพยกกองทัพไปตีเมืองวังแตก เจ้าอุปฮาต ราชวงศ์ ราชบุตรและท้าวเพีย ราษฎร พาครอบครัวหนีกองทัพไทยระส่ำระสาย พระมหาสงครามจึงได้จัดให้ท้ายสาย ท้าวเพียเมืองวังไปเกลี้ยกล่อมได้ราชบุตรท้าวคอง บุตรเจ้าเมืองวัง ท้าวอุปฮาตเมืองวัง เข้าสวามิภักดิ์ พาครอบครัวข้ามฝั่งโขงตะวันตกประมาณ ๓,๐๐๐ คน มาตั้งบ้านกุดสิมนารายณ์ขึ้งกับเมืองกาฬสินธุ์ และมีผู้นำกลุ่มจำนวนมากที่ไม่ประสงค์อยู่บ้านกุดสิมนารายณ์ จึงได้อพยพพาญาติพี่น้องเดินทางสำรวจพื้นที่ทำเลที่เหมาะ อุดมสมบูรณ์ มีชัยภูมิที่ดี เช่น บ้านโพนนาดี บ้านหนองผือ บ้านโพนสวาง บ้านกุดบอด อำเภอเขาวง บ้านหินลาด อำเภอนาคู

เมื่อจุลศักราช ๑๒๐๗ ตรีศก (พ.ศ. ๒๓๘๘) มีตระกูลอุปชัย ก่อตั้งบ้านหนองผือ ไม่สมัครใจอยู่เมืองภูแล่นช้าง จึงพากันอพยพครอบครัว พากันเสาะแสวงหาทำเลที่ทำกิน ที่ตั้งบ้านเรือนใหม่ ในที่สุดก็พบแหล่งน้ำ เป็นลำห้วยส้มป่อย จึงได้เดินลัดเลาะตามลำห้วยขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็พบที่ราบลุ่มกว้างใหญ่ มีหนองน้ำอุดมสมบูรณ์ มีหญ้าขึ้นสวยงาม (ต้นผือ ต้นกก) ทางทิศตะวันออกของหนองน้ำเป็นที่ดอน บริเวณร่มรื่น ประกอบด้วยลำห้วยขนาบสองข้าง จึงตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ บริเวณนั้น ต่อมามีครอบครัวอพยพติดตามญาติพี่น้องมาขออยู่ด้วย ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ ให้ไปตั้งบ้านเรือยอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน กลุ่มที่ ๒ ให้ไปตั้งบ้านเรืองอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน และในที่สุดทั้งสองกลุ่มก็รวมกันเป็นหมู่บ้านเดียวกัน

ผู้นำในการก่อตั้งบ้านหนองผือ ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ คือ ตระกูลอุปชัย คือ ตระกูลชัยมัชฌิมในปัจจุบัน

ด้วยเหตุที่ชาวบ้านหนองผือได้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ อาชีพหลักคือ เกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนาตามฤดูกาล ทำให้ต้องขยายพื้นที่ทำนาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเชิงเขาภูพาน ผู้คนส่วนหนึ่งจำเป็นต้องเดินทางไปทำนาใกล้ ๆ เทือกเขาภูพาน ต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้มีครอบครัวของชาวบ้านหนองผือ โดยการนำของนายพันธ์ บุปผาชื่น นายเชย เหลือผล นายยอด เชิดบุญเรือง รวม ๓ ครอบครัว ไดอพยพจากบ้านหนองผือ ไปก่อตั้งบ้านเรือนในที่นาของตนเอง บนที่ราบเชิงเขาภูพาน ซึ่งล้อมรอบด้วยป่าเบญจพรรณ โดยเรียกหมู่บ้านตนเองว่า “บ้านนาไม้ตายหรือบ้านน้อย” เนื่องจากมีแค่ ๓ ครอบครัวเท่านั้น ต่อมาในปีเดียวกัน ประมาณเดือน เมษายน ครอบครัวชาวบ้านหนองผือที่มีที่นาอยู่บริเวณเดียวกันได้ย้ายไปอยู่บ้านน้อยด้วยกัน คือ ครอบครัวของนายอิ้ด เหลือผล และมีบางคนออกไปตั้งเล้าข้าวไว้ก่อน คือครอบครัวนายสมใจ เหลือผล และได้มี่การอพยพเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชุมชนได้ขยายตัวและเรียกหมู่บ้านว่า “บ้านนาไม่ตาย”การอพยพยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชุมชนขยายตัวเป็นชุมชนขนาดใหญ่จนถึงเกณฑ์ทีทางราชการจะแต่งตั้งผู้ปกครอง (ผู้ใหญ่บ้าน) ของชุมชนได้

ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ทางราชการโดยการนำของปลัดกิจจา รอยตำรวจตรีสุภีร์ กำนันลึบ พลนาคู แพทย์ประจำตำบล นายทุมมี รังกลิ่น สารวัตรกำนันมา พลนาคู นายมูล ภูดี ผู้ใหญ่บ้านนากุดสิม และคุณครูสุกรรจ์ รัตนวงษ์ ได้มาอำนวยการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนแรกของหมู่บ้าน คือ นายศูนย์ บุปผาชื่น พร้อมกับตั้งชื่อบ้านใหม่ เป็นบ้านจอมศรี ซึ่งคำว่า “จอม”เป็นการตั้งตามชัยภูมิของหมู่บ้าน เพราะหมู่บ้านตั้งอยู่ที่ดอนใกล้ภูเขาสูง จึงเป็นที่มาของคำว่า จอม ส่วนคำว่า “ศรี”เป็นคำต่อท้าย เป็นคำที่ผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนอยากได้ เพราะคำว่า “ศรี”ถือว่าเป็นมงคลเป็นศักดิ์เป็นศรี เป็นความสง่างาม ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ “บ้านจอมศรี”จนถึงปัจจุบัน

Category
Ethnic
Location
บ้านจอมศรี
No. - Moo จอมศรี Soi - Road -
Tambon สายนางวัง Amphoe Na Khu Province Kalasin
Details of access
ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านจอมศรี
Reference นางกัญญพัชร นางาม Email kanyapat_14@hotmail.co.th
Organization สำนักงานวัฒนธรรมอำเภอกุฉิ Email kanyapat_14@hotmail.co.th
No. - Moo - Soi - Road -
Tambon นาคู Amphoe Na Khu Province Kalasin ZIP code 46160
Tel. 0818748096 Fax. -
Website www.ksculture.go.th
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ 29 Febuary 2012 at 09:51
ดีมากครับ ให้ชาวบ้าน
ชมด้วยนะครับและ แสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่